ย้อนคดีตื้บ-จับหนุ่มหื่น ถีบจยย.ล้มหวังขืนใจสาว ถึงกะโหลกร้าว-เลือดคั่ง

ด้วยพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองของ นายครรชิต แสนเวียง อายุ 29 ปี หนุ่มชาว ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ หลายคนอาจรู้สึกสะใจที่เจ้าตัวถูกพลเมืองดีรุมกระทืบจนน่วมบาทา แต่ในมุมมองของกฎหมาย หากเจตนาไม่ใช่แค่หยุดการคุกคาม แต่ทำร้ายด้วยความโกรธแค้น พลเมืองดีก็อาจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาได้ง่ายๆ

ย้อนคดีตื้บ-จับหนุ่มหื่น ถีบจยย.ล้มหวังขืนใจสาว ถึงกะโหลกร้าว-เลือดคั่ง

คุมชี้ที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อตี 1 วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่น.ส.สุทธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี พนักงานร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ขี่รถจยย.กลับจากเที่ยวสถานบันเทิง เนื่องจากดึกแล้วเจ้าตัวจึงค่อยๆ ขับมาตามไหล่ทางถนนมลิวรรณ

พอถึงบริเวณใกล้กับโรงเรียนบ้านกุดแข้ห้วยบง ต.หนองไผ่ มีชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และคนซ้อนท้ายกระโดดลงจากรถ มานั่งคร่อมที่เบาะท้ายรถของหญิงสาว ทำให้รถเสียหลักล้มลงข้างทาง จากนั้นหนึ่งในคนร้ายถอดกางเกงออกและพยายามกดตัวหญิงสาวให้ลงนอนกับพื้นหญ้าเพื่อจะข่มขืน เจ้าตัวพยายามร้องให้คนช่วยสุดเสียง

ย้อนคดีตื้บ-จับหนุ่มหื่น ถีบจยย.ล้มหวังขืนใจสาว ถึงกะโหลกร้าว-เลือดคั่ง

นาทีจับหนุ่มหื่น

โชคดีมีพลเมืองดีผ่านมา และจอดรถลงมาช่วยเหลือ ก่อนที่จะรุมกระทืบผู้ก่อเหตุและโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุมจึงรอดมาได้

ร.ต.อ.ขัตติยะ พลดงนอก รอง สว.สอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น สอบปากคำ นายปิยพัทธ์ (สงวนนามสกุล) พลเมืองดี เปิดเผยว่า ตนมาเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนๆ ประมาณ 6 คน หลังสถานบันเทิงปิดประมาณช่วง 6 ทุ่มถึงตี 1 ระหว่างทางกลับบ้าน พบว่ามีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างไหล่ทาง จึงพากันลงไปช่วย

ขณะกำลังลงไปพบว่ามีผู้ชายวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว และ ข้างทางพบผู้หญิงนอนร้องขอความช่วยเหลือว่า ถูกคนร้ายกำลังจะข่มขืน และภาพที่ตนเห็นในขณะนั้นคือ คนร้ายถอดกางเกงออกกำลัง จะปลุกปล้ำขืนใจน้องผู้หญิงอยู่ พวกตน 6 คนจึงเข้าช่วยเหลือ

ส่วนผู้ต้องหาที่มีสภาพใบหน้าบวมปูด ขอบตาเขียวคล้ำ ยังไม่สามารถให้การได้ อ้างเเต่เพียงว่า เมื่อคืนเมาหนักจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองก่อเหตุอะไรมา อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาเตรียม ก่อเหตุจริงและเตรียมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก พยายามข่มขืนกระทำชำเรา กระทำอนาจาร และทำร้ายร่างกาย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ย้อนคดีตื้บ-จับหนุ่มหื่น ถีบจยย.ล้มหวังขืนใจสาว ถึงกะโหลกร้าว-เลือดคั่ง

สภาพหลังถูกจับ

สายวันนั้นตำรวจเบิกตัวนายครรชิตไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายครรชิตให้การว่า ตระเวนเที่ยวตามสถานบันเทิงและร้านอาหารต่างๆ กับเพื่อนชื่อโต้ จนกระทั่งสถานบันเทิงชื่อดังของ อ.ชุมแพ ได้พบกับ ผู้เสียหายที่มาเที่ยวในร้านเดียวกันกับเพื่อนสาวอีก 3 คน มีการชนแก้วและพูดคุยกัน แลกแก้วเครื่องดื่มและเบอร์โทร.กันและกัน ประมาณ 1 ช.ม.จึงชักชวนกันออกมาและขับขี่รถจักรยานยนต์ของฝ่ายหญิงออกไปนอกร้านด้วยกัน

โดยตนเป็นคนขับ หญิงสาวผู้เสียหายนั่งซ้อนท้าย แต่ด้วยความเมา รถจักรยานยนต์เสียหลักตกข้างทาง และจังหวะนั้นจึงถือโอกาสพยายามทำอนาจารและข่มขืนผู้เสียหายจริง แต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้เสียหายตะโกนขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งมีพลเมืองดีมาพบและช่วยเหลือผู้เสียหายได้ทัน จนถูกทำร้ายจนน่วมไปหมด

ร.ต.อ.ขัตติยะกล่าวต่ออีกว่า ภายหลังการสอบสวนและการชี้จุดที่เกิดเหตุแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่าพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร และพยายามข่มขืนกระทำชำเรา ในส่วนคำให้การของผู้เสียหายที่ขัดแย้งกับพยานและผู้เสียหาย ว่ามีคนร้ายอีกคนนั้น ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉยยังต้องสืบสวนขยายผลหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

โดยจะขอความร่วมมือจากสถานบันเทิง เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด นำมาประกอบสำนวนการสอบสวน ว่าขณะที่ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านไปคนเดียวนั้น มีใครขับขี่รถจักรยานยนต์ตามไปหรือไม่ ส่วนคำให้การของผู้ต้องหาที่ว่า มากับเพื่อน ก็ต้องตามตัวเพื่อนมาสอบสวน ว่าจริงหรือไม่

ย้อนคดีตื้บ-จับหนุ่มหื่น ถีบจยย.ล้มหวังขืนใจสาว ถึงกะโหลกร้าว-เลือดคั่ง

เหยื่อสาวให้การ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายนี้พบว่า เคยถูกจับในคดีพยายามฆ่า เมื่อปี 2555 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พ้นคุกมาได้ 3 ปี ก็มาก่อเหตุดังกล่าวอีกครั้ง

ขณะที่หลังทำแผนฯ พบว่าผู้ต้องหามีอาการปวดหัวอย่างหนัก ตำรวจจึงได้นำตัว ส่งไปรักษาที่ ร.พ.ขอนแก่น โดยในเบื้องต้นแพทย์ได้ตรวจดูอาการแล้วพบว่าผู้ต้องหากะโหลกศีรษะร้าว และมีเลือดคั่งในสมอง ทำให้ผู้ต้องหามีอาการปวดหัวรุนแรงตลอด ซึ่งจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์

“ส่วนผู้ต้องหาจะฟ้องร้องเอาเรื่องกับพลเมืองดีที่ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสนั้น ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ในเรื่องของคดีก็ต้องมองว่าพลเมืองดีทำไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องช่วยเหลือบุคคลอื่น โดยไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นกันมาก่อน ส่วนจะเกินกว่าเหตุหรือไม่ ก็ต้องไปใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีกันในศาลต่อไป” ร.ต.อ.ขัตติยะ กล่าว

สุพล บุญชื่นชม

จักรพันธ์ นาทันริ

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน