แกะคดีหื่นเกาะพะงัน ลวงขืนใจสาวนอร์เวย์ แฉเข้าคุก8ครั้งไม่เข็ด

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ชื่อของเกาะสวรรค์กลางอ่าวไทย ถิ่นกำเนิด ‘ฟูลมูนปาร์ตี้’ อันโด่งดังก้องโลก ทำให้เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศมุ่งหวังได้มาสัมผัสความสวยงามสักครั้งในชีวิต

เมื่อเป็นแหล่งชุมนุมนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สิ่งที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกพ้นก็คือบรรดามิจฉาชีพที่แอบแฝงเข้าไปทำเรื่องไม่สุจริต

พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ลุยเกาะติดคดี

ล่าสุดก็เกิดคดีเมื่อนักท่องเที่ยวสาวชาวนอร์เวย์ ถูกชายที่ทำตัวเป็นพลเมืองดี แต่กลับร่างเป็นไอ้หื่นลวงไปบังคับขืนใจ สร้างความเสื่อมเสียให้ชื่อเสียงเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยขึ้นอีก

นายเรวัต หาญสุวรรณ ผู้ต้องหา

วันที่ 14 พ.ค. พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภาค 8 พร้อมด้วย นาย วิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี และพล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มายังสภ.เกาะพะงัน แถลงข่าวผลการจับกุมนายเรวัต หรือมอส หาญสุวรรณ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อคดีข่มขืน นักท่องเที่ยวสาวนอร์เวย์ พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำ รับสารภาพ

ต้นเหตุของคดีเกิดขึ้นในวันที่ 12 พ.ค. เมื่อนักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ สัญชาตินอร์เวย์ อายุ 26 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า เดินทางมาท่องเที่ยว พักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเกาะพะงัน ต่อมาวันที่ 11 พ.ค. เวลา 23.00 น. ไปเที่ยวงานฮาฟมูนปาร์ตี้ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน

ภาพวงจรปิด

แต่เมื่อกลับมาที่พักพบกระเป๋าเงินหายไป จึงเดินไปตามถนนย้อนกลับไปยังบริเวณงานเพื่อหากระเป๋าเงิน ระหว่างทางพบคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ หมายเลขทะเบียน อาสาขับพาไปตามหากระเป๋าเงิน จึงซ้อนท้ายไปด้วยความเชื่อใจ

แต่มารู้สึกผิดสังเกตเมื่อพบว่า ชายคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้าถนนลูกรัง ซอยตรงข้ามห้างบิ๊กซี หมู่ 1 ต.เกาะพะงัน ซึ่งออกนอกเส้นทาง จึงบอกให้หยุดรถ แต่คนร้ายไม่ยอมหยุด จึงกระโดดลงจากรถเพื่อวิ่งหนี แต่คนร้ายใช้กำลังทำร้ายและข่มขืน ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนักท่องเที่ยว ทำให้ตำรวจต้องระดมกำลังออกสืบหาเบาะแสและตรวจสอบไล่จากกล้องวงจรปิด

พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภาค 8 คุมตัวทำแผนฯ

กระทั่งพบภาพคนร้ายกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่จากกล้องวงจรปิดไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งตำรวจนายหนึ่ง จำได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของตนเองซึ่งนำไปซ่อมที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ใน ต.ท้องศาลา จึงตามไปยึดรถมาตรวจสอบ พร้อมคุมตัวนายเรวัตที่เป็นช่างของร้านที่รูปพรรณตรงตามคนร้ายไปเค้นสอบปากคำจนรับสารภาพในที่สุด

นายเรวัตให้การหลังสิ้นอิสรภาพ ว่า ก่อนก่อเหตุนั่งซดเบียร์ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ของลูกค้าไปหาข้าวกิน

จนไปพบผู้เสียหายบริเวณริมถนนสายบ้านท้องศาลา ตรงข้ามธนาคาร ธ.ก.ส. เลยทำตัวเป็นพลเมืองดีเข้าไปสอบถามทราบว่ากระเป๋าสตางค์หาย จึงอาสาจะพาไปช่วยค้นหา

จากนั้นให้ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ขี่ไปตามถนนบ้านท้องศาลา แล้วฉวยโอกาสพาผู้เสียหาย เข้าไปห้องพักที่อยู่ในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์

แต่ผู้เสียหายไม่ยอมจึงพาไปริมทะเลแล้วใช้กำลังต่อยที่ท้องผู้เสียหายก่อน ข่มขืนกระทําชําเราจนสําเร็จความใคร่ แล้วทิ้งผู้เสียหายไว้ตามลําพัง

บุกจับคาที่นอน

จากนั้นขับรถจักรยานยนต์กลับที่พัก ทํางานอยู่ที่ร้านซ่อมรถจักรยนต์ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถูกตำรวจตามไปจับตัวได้คาร้าน

เมื่อตรวจสอบประวัตินายเรวัต พบว่าพื้นเพเป็นชาวอ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ก่อเหตุมาแล้ว ถึง 8 คดี

ประกอบด้วย ปี 2549 สภ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นปี 2551 สภ.ขนอม จ.นครศรี ธรรมราช ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ปี 2554 สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง

ปี 2555 สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ข้อหาลักทรัพย์ ปี 2558 สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ข้อหาเสพแล้วขับ ปี 2559 สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ข้อหาเสพยาเสพติด และปี 2559 สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ข้อหาครอบครองยาเสพติด เพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา

ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี กรมราชทัณฑ์ได้ฝึกวิชาชีพให้ หวังว่าเมื่อกลับสู่สังคมได้จะกลับตัวเป็นสุจริตชน รวมถึงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกช่วยเหลือให้มีงานทำ

โดยเพิ่งเข้าทำงานที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์บนเกาะพะงันได้แค่วันเดียวก็ออกลาย จนต้องระเห็จกลับเข้าไปกินข้าวแดงในคุกอีกเป็นครั้งที่ 9

สิทธิพงษ์ เจริญใจ

เรื่อง /ภาพ

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน