อุทาหรณ์นักเรียนนักเลง โจ๋วัย17สังเวยศึกอาชีวะ ศพแรกประเดิมเปิดเทอม : สดจากสนามข่าว

เริ่มต้นปีการศึกษา 2562-2563 ชนิดนองเลือดและลมหายใจที่หมดไปของโจ๋วัย 17 ปี ที่ไม่ได้เป็นศิษย์สถาบันไหนเลย

แต่แห่ตามเพื่อน ไปไล่ตีกลุ่มคู่อริ จนต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควร

ทิ้งความเสียใจให้กับครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ยังอยู่ข้างหลัง

‘ศึกช่างกล-อาชีวะ’ ประเดิมเปิดเทอมใหม่ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเปิดเรียน วันแรกของสถานศึกษาทุกระดับชั้น ในประเทศไทย

สดจากสนามข่าว

นายพลวัฒน์ ไชยชาติ ถูกยิงจมกองเลือดก่อนเสียชีวิต

ขณะที่ตำรวจจราจร สน.หลักสอง กำลังอำนวยการจราจรอยู่ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ก่อนตัดเข้าถนนเพชรเกษม ใกล้ ร.พ.เกษมราษฎร์บางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ

เกิดเหตุนักเรียนตีกันบนรถประจำทางสาย 123 ซึ่งกำลังแล่นผ่านป้อมควบคุมสัญญาณจราจรบริเวณนั้น และมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด

ก่อนที่เด็กนักเรียน 2 ฝ่าย จะพากันวิ่งแตกกระเจิงหลบหนีไปคนละทิศละทาง

มีจำนวน 3 คน หลังวิ่งลงจากรถเมล์ พุ่งตรงไปเรียกรถแท็กซี่ แต่ขณะกำลังเร่งรีบขึ้นรถก็ถูกตำรวจจราจรที่อยู่ในจุดนั้นกรูกันเข้าไปจับตัวไว้ได้ทั้ง 3 คน

สดจากสนามข่าว

ทูตมรณะ

หนึ่งในนั้นยังพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ที่ยังมีปลอกกระสุนปืนลูกซองคารังเพลิง เหน็บตุงเอวอยู่

ไม่ไกลจากรถเมล์ที่เกิดเหตุ พบร่าง นายพลวัฒน์ หรือ ต้น ไชยชาติ อายุ 17 ปี นอนหายใจรวยรินจมกองเลือด

เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบนำร่างผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่ร.พ.เกษมราษฎร์บางแค แต่กระสุนปืนลูกซองที่ยิงเข้าเต็มหน้าอกเป็นแผลฉกรรจ์มากเกินไป ทำให้ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด

เจ้าหน้าที่สอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ชื่อ นายใหญ่, นายโต, และ นายน้อย (ทั้งหมดเป็นนามสมมติ) อายุ 17 ปี เท่ากันหมด เป็นนักศึกษาชั้น ปวช.ปีที่ 1 แผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคโนโลยีมีชื่อแห่งหนึ่ง ย่านตลิ่งชัน

ก่อนเกิดเหตุเพิ่งเลิกเรียนนั่งรถประจำทาง จากหน้าสถาบันกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านย่านกระทุ่มแบน ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ จู่ๆ กลุ่มเด็กนักเรียนคู่อริทราบว่าเป็นนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคชื่อดัง ย่านเขตดุสิต ประมาณ 10 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 5 คัน ขี่รถมาจอดเทียบขณะติดไฟแดงตรงแยก พุทธมณฑลสาย 2 ตัดถนนเพชรเกษม

จากนั้นพยายามวิ่งขึ้นมาบนรถมีทั้งมีดและอาวุธปืน

นายใหญ่จึงตัดสินใจชักปืนออกมายิงขู่ไป 1 นัด ไม่คิดว่ากระสุนจะถูกคู่กรณีจนเสียชีวิต จากนั้นต่างฝ่ายก็วิ่งหนีกระจายกันไปคนละทิศละทาง โดยทั้ง 3 คนพากันวิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่หวังหลบหนี แต่ก็ถูกตำรวจตะครุบตัวไว้ได้ทันควัน

สดจากสนามข่าว

แม่ร่ำไห้รับศพลูกชาย

นายใหญ่ยังให้การอีกว่า สาเหตุที่ต้องพกอาวุธปืนไปเรียนหนังสือด้วยนั้น เนื่องจากต้องเอามาไว้ป้องกันตัว เพราะเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งถูกเด็กช่างคู่อริไม่ทราบสถาบันไล่ยิงมากระสุนถากแขนได้รับบาดเจ็บ

“ขอยอมรับผิดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่สำคัญเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ต้องทำเพื่อป้องกันตัว ไม่เช่นนั้นผมและเพื่อนอาจตกเป็นเหยื่อเสียชีวิตเสียเอง” นายใหญ่ก้มหน้ารับสารภาพ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร แก่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย

โดยเชิญผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ มาร่วมสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนคุมตัวฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในวันที่ 22 พ.ค.

สดจากสนามข่าว

สอบปากคำที่ สน.หลักสอง

ต่อมา นางสุดใจ อินทะศร อายุ 40 ปี มารดานายพลวัฒน์ผู้เสียชีวิต มาดูศพลูกชาย พร้อมเล่าให้ฟัง ด้วยความโศกเศร้าว่า นายพลวัฒน์เพิ่งถูกเชิญให้ออกจากวิทยาลัยพณิชยการธนบุรี เนื่องจากเกรดไม่ถึง จึงออกมาอยู่บ้านเฉยๆ

แต่มีเพื่อนๆ นักเรียนอาชีวะหลายสถาบันมาหาที่บ้านย่านสวนผักทุกวัน เคยเตือนให้ระวังตัวเพราะกลัวจะไปมีเรื่องมีราว แต่สุดท้ายห้ามไม่ได้

ที่ผ่านมาลูกเป็นคนขี้ขลาดไม่เคยมีประวัติทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชีวิตลูกชาย ยอมรับว่าตกใจและเสียใจมาก แต่ไม่รู้จะโทษใคร ต้องโทษตัวเองที่ตักเตือนลูกไม่ได้

“ขอให้วัยรุ่นทุกคนเอาเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์และต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เพราะเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วไม่มีใครเสียใจเท่าพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างแน่นอน” มารดาผู้เสียชีวิตกล่าวฝากเตือนสติบรรดานักเรียนนักเลงด้วยน้ำตานองหน้า

โดย

สมศักดิ์ ชฏารัตน์/เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน