‘ตร.’ผนึก‘กรมประมง’ คุมเข้มกม.ท่าเทียบเรือ ประมง22จว.ชายทะเล
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
คุมเข้มกม.ท่าเทียบเรือ – การกำกับดูแลท่าเทียบเรือประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย ถือเป็นอีกมาตรการควบคุมไม่ให้มีการจับสัตว์น้ำมากเกินกว่ากำหนด
โดยตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 กำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะใช้ท่าเทียบเรือประมงต้องจดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือประมงต่อกรมประมง และทำบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเรือทุกลำที่เข้าใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้ำ หรือนำสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือประมง และมีหน้าที่ต้องจัดทำเอกสารหนังสือกำกับการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำ
จากการกำหนดนี้กรมประมงได้ดำเนินการออกกฎหมายลูกหลายฉบับ เพื่อให้การปฏิบัติของท่าเทียบเรือประมงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย โดยให้ท่าเทียบเรือประมงเป็นผู้จัดทำรายงานข้อมูลการนำสัตว์น้ำที่ได้จากการจับ ก่อนรายงานต่อกรมประมง เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการด้านการประมง และการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ
ซึ่งการรวบรวมข้อมูลและการจัดเก็บ ดังกล่าวนั้น ต้องมีความครบถ้วนถูกต้องและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยการมีส่วนร่วมจากท่าเทียบเรือประมง การได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน จะเป็นส่วนช่วยให้ เกิดการป้องกันการทำประมงที่เกินการผลิต หรือควบคุมไม่ให้มีการจับสัตว์น้ำที่มากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะผลิตขึ้นทดแทนได้ทัน
ด้วยเหตุนี้กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงร่วมกันจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการเพิ่มศักยภาพการทำงานของท่าเทียบเรือประมงในการตรวจสอบย้อนกลับสัตว์น้ำ โดยให้ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง สมาคมประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเลทั่วประเทศเข้ารับการอบรม เพื่อตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม
ที่สำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นของผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องในการปฏิบัติตามกฎหมายนี้
โดย นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง และพล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งแรก โดยมีผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง สมาคมประมงใน จ.ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ เข้าร่วม 864 คน
สำหรับกองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง กรมประมง เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจ ภายใต้นโยบายมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุมและมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยปฏิรูปการทำงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อบริหารจัดการข้อมูลประมงอย่างมีส่วนร่วม
นอกจากนี้ยังปรับปรุงระบบการรายงานทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมประมง การใช้งานระบบตรวจสอบย้อนกลับ ด้วยการจัดทำแบบบันทึกข้อมูลเรือประมงที่เข้าใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้ำ นำสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือประมง การจัดทำแบบสรุปรายวัน บันทึกข้อมูลเรือประมงที่เข้ามาใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือประมง การจัดทำหนังสือกำกับการซื้อขายสัตว์น้ำ (ขนส่งสัตว์น้ำทางรถยนต์) และการจัดทำหนังสือกำกับการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำ
อีกทั้งปรับกฎหมายประมงให้เป็นปัจจุบัน จึงกำหนดจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ความรู้ในการจัดทำเอกสารรายงานต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอ นิกส์ได้อย่างถูกต้อง ตามที่กรมประมงประกาศกำหนดไว้
นายอดิศรเผยว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ถือเป็นการเสริม ความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง ตามพระราชกำหนดการประมงใหม่
รวมถึงการใช้งานระบบตรวจสอบย้อนกลับในประเทศ ผ่านระบบเว็บแอพพลิเคชั่น การจัดทำแบบบันทึกข้อมูลเรือประมงที่เข้าใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้ำ นำสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือประมง
การจัดทำแบบสรุปรายวันบันทึกข้อมูลเรือประมงที่เข้ามาใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้ำ นำสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือประมง การจัดทำหนังสือกำกับการซื้อขายสัตว์น้ำ (ขนส่งสัตว์น้ำทางรถยนต์) การจัดทำหนังสือกำกับการซื้อขายสินค้า สัตว์น้ำ
รวมถึงมาตรการและแนวทางในการปฏิบัติตามกฎหมายท่าเทียบเรือประมง วิธีดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อตรวจพบการกระทำความผิด พร้อมบทกำหนดโทษตามกฎหมายท่าเทียบเรือประมง
เพื่อให้ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือประมง สมาคมประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล เจ้าหน้าที่กรมประมง และ ผู้เกี่ยวข้องได้รับความรู้ ความเข้าใจ ในระบบตรวจสอบย้อนกลับของท่าเทียบ เรือประมง
เจ้าหน้าที่คุมเข้มท่าเทียบเรือ