เจาะคดีปธ.โอท็อปปืนดุ หึงโหดไล่ยิงเมียเก่า-กิ๊ก ฆ่าตัวหนีผิด-2 เหยื่อรอด : สดจากสนามข่าว
เจาะคดีปธ.โอท็อปปืนดุ หึงโหดไล่ยิงเมียเก่า-กิ๊ก ฆ่าตัวหนีผิด-2 เหยื่อรอด – ‘รถ-ปืน-เมีย’ 3 สิ่งที่ห้ามหยิบยืมกัน แม้จะเหมือนเป็นคำพูดคุยกันขำๆ ในวงเหล้า แต่ในชีวิตจริงทุกคนต่างยอมรับว่า มีเป็นสัจธรรมที่จริงแท้แน่นอน
เพราะรถหากให้ใครหยิบยืมแล้วเกิดไปชนคนตายแล้วหนี เจ้าของรถคือคนแรกที่ตำรวจจะต้องตามตัว ส่วนปืนห้ามยืมแน่ๆ เพราะถ้าเอาไปยิงคน เจ้าของจะต้องเดือดร้อน
สำหรับเมียนี่ยิ่งห้ามยืมใหญ่ เพราะคงไม่มีใครพอใจที่จะเห็นเมียรักไปสนิทสนมกับชายอื่น เจอเข้าครั้งใดส่วนใหญ่แล้วเรื่องราวมักจะไม่จบลงด้วยดี
ล่าสุดก็เกิดเรื่องราวหึงหวงจนมีผู้ที่ต้องมาทิ้งชีวิตไปก่อนเวลาอันควร
เหตุนี้เกิดขึ้นในวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.อ.คมสันต์ อุทธา รองสว.สอบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุว่ามีผู้ถูกไล่ยิงบริเวณห้องเช่า ข้างร้านอาหารคอยคุณ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่ริมถนน 3 ปลอก และหัวกระสุน 1 นัด ภายในบ้านพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่อีก 3 นัด
ส่วนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งยังตกอกตกใจกับเรื่องระทึกที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ คือ น.ส.กฤษดาพร ทองสมบัติ อายุ 39 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 134/1 ม.7 ต.แสวงหา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เจ้าของร้าน และนายบุญส่ง พงษ์ประเสริฐ อายุ 43 ปี แฟนหนุ่มมีตำแหน่งเป็น เลขาฯ นายกอบต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา
น.ส.กฤษดาพรให้การว่า เช่าร้านที่เกิดเหตุเปิดร้านขายอาหารป่า โดยก่อนหน้านี้ 1 เดือน ได้เลิกรากับแฟนเก่าคือ นายมานะ เหมือนแก้ว อายุ 52 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานโอท็อป อ.แสวงหา เนื่องจากมีพฤติกรรมรุนแรงชอบทำร้ายร่างกาย จึงหอบข้าวหอบของออกจากบ้านนายมานะมาใช้ร้านเป็นที่พักผ่อนหลับนอน หลังจากนั้นมาคบหากับนายบุญส่ง
ก่อนเกิดเหตุขณะที่น.ส.กฤษดาพรพร้อมนายบุญส่งและน้องชาย กำลังช่วยกันขนข้าวของเก็บในบ้านเช่า นายมานะขับรถกระบะมาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นชักปืนไล่ยิงทุกคน
น.ส.กฤษดาพรรีบวิ่งไปหลบในห้องน้ำ ส่วนนายบุญส่งวิ่งเข้าไปหลังร้าน มือปืนตามเข้าไปจ่อยิงนายบุญส่ง แต่นายบุญส่งทำแกล้งตาย
จากนั้นนายมานะเดินอย่างใจเย็นออกไปและใช้ปืนยิงใส่รถของนายบุญส่งที่จอดอยู่หน้าร้านอีก 2 นัด ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังได้ข้อมูลคนร้ายครบถ้วนพล.ต.ต. คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมพ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผบก. พ.ต.ท.เชาวลิตพงศ์ เฟื่องประยูร รอง ผกก.ป.สภ.ศรีประจันต์ สั่งกระจายกำลังออกสืบหาเบาะแสตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้หลบหนี
พร้อมขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และประสานไปยังสภ.แสวงหา พื้นที่ภูมิลำเนาของนายมานะเพื่อให้ช่วยติดตามตัว
ขณะเจ้าหน้าที่กำลังไล่ล่าประธานโอท็อปปืนดุ เช้าวันที่ 4 มิ.ย. ร.ต.อ.วิทยา แสนโสดา รองสว.สอบสวน สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง รับแจ้งมีเหตุพบมีคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บต 1945 อ่างทอง ที่จอดอยู่ในวัดแสวงหา ม.5 ต.แสวงหา จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
พร้อม พ.ต.อ.วิชัยนาวิน อนันต์ ผกก. เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์ร.พ.แสวงหา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ฐานแสวงหา
พบรถคันดังกล่าวจอดติดเครื่องอยู่บริเวณข้างเมรุ ในรถพบศพนายมานะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. บริเวณขมับขวาทะลุขมับซ้าย ในมือขวายังกำปืนขนาด 11 ม.ม.ไว้แน่น และยังพบกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่ภายในรถ จึงประสานพนักงานสอบสวนสภ.ศรีประจันต์ มาร่วมชันสูตรพลิกศพ
เบื้องต้นคาดเครียดจากเหตุที่ก่อไว้ โดยไม่ทราบว่าเหยื่อปืนทุกคนปลอดภัยแบบไร้รอยข่วน จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองหนีความผิด
ขณะที่ญาติและคนรู้จักที่ทราบข่าวต่างร่ำไห้เสียใจ ยืนยันว่า นายมานะเป็นคนดี รักครอบครัว ขยันทำมาหากิน อยู่กินกับน.ส.กฤษดาพรแบบสามีภรรยา มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่ไม่จดทะเบียนสมรส
ก่อนที่จะเกิดทะเลาะกัน ทำให้น.ส.กฤษดาพรเก็บของออกจากบ้านไปอยู่ที่ร้านอาหาร โดยที่นายมานะยังคอยตามไปดูความเป็นอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ชาวบ้านสันนิษฐานว่า อาจไปเห็นภาพบาดตานายมานะถึงเกิดบันดาลโทสะก่อเหตุขึ้น ก่อนหนีมาฆ่าตัวตายที่บ้านเกิด
แต่ไม่ว่าปฐมบทจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นจุดจบที่กลายเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรม
โดย…หนึ่งฤทัย หนูสวัสดิ์ / สุรศักดิ์ หริ่มสืบ
เรื่อง/ภาพ