คำสั่งตายนายทุนยาบ้า ฆ่าเผาหนุ่ม-ล้างหนี้ 4ล. ตร.แกะรอยจับ2เพื่อนซี้
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
คำสั่งตายนายทุนยาบ้า ฆ่าเผาหนุ่ม-ล้างหนี้ 4 ล. ตร.แกะรอยจับ 2 เพื่อนซี้ – เช้าวันที่ 11 มิ.ย. น.ส.ปราณี รอดไข อายุ 63 ปี เจ้าของสวนปาล์ม ใน ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าบ้านในสวนปาล์มของตนถูกคนร้ายงัดขโมยยางรถยนต์เก่า ที่เก็บเอาไว้ไป 4 เส้น รวมทั้งเสื้อผ้าที่แขวนไว้ในบ้านหายไปหมด จึงรีบแจ้งตำรวจ สภ.ทับสะแก ก่อนที่เรื่องราวสยองขวัญจะถูกเปิดเผยขึ้น
พลันที่ ร.ต.อ.วินัย รายละเอียด รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจาก น.ส.ปราณี ก็รีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ ก่อนพบว่าคดีดังกล่าวไม่ใช่แค่คดีลักทรัพย์ธรรมดา ตำรวจพบกองไฟเหลือแต่ขี้เถ้ากองใหญ่อยู่ 1 กอง ในกองไฟมีเศษชิ้นส่วนลวดยางรถยนต์จำนวนหลายเส้น แล้วยังพบเศษชิ้นส่วนกระดูกที่เผาไฟแล้ว ทั้งชิ้นส่วนกระดูก และกะโหลก
นอกจากนี้บริเวณโต๊ะนั่งหน้าบ้านยังพบหยด เลือดใต้โต๊ะ และหยดเลือดเป็นทางที่พื้นดิน ในที่เกิดเหตุยังพบขวดเบียร์ที่ดื่มแล้ว 2 ขวด บริเวณข้างโอ่งน้ำยังพบกระทะรถยนต์ที่ถูกเผาไฟแล้วอีก 2 ลูก
ร.ต.อ.วินัยรีบรายงานเหตุให้ พ.ต.อ.อดุลชัย เผ่าพันธุ์ศร ผกก.สภ.ทับสะแก รับทราบก่อนนำกำลังพร้อมด้วย พ.ต.ท.ทัศจักร ลีลาโรจนกุลเลิศ รอง ผกก.(สอบสวน), พ.ต.ท.วศพล เรืองจ้อย รอง ผกก.สส., ตำรวจชุดสืบสวน, มาร่วมตรวจสอบทันที
จากการสอบสวน น.ส.ปราณี ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านในสวนปาล์มของตน แต่ไม่มีคนอยู่อาศัย เพราะตนมีบ้านอยู่อีกหลังที่ อ.บางสะพาน แต่เมื่อเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ตนได้พาคนงานมาตัดปาล์ม เมื่อมาถึงที่บ้านพบประตูบ้านเปิดและยางรถยนต์ที่เก็บไว้หายไป 4 เส้น เสื้อผ้าที่แขวนไว้ในบ้านหายไปทั้งหมด จึงเดินตรวจสอบดูรอบบ้าน
ผกก.สภ.ทับสะแกรายงานเหตุการณ์ให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ตร.ภว.ประจวบคีรีขันธ์ รับทราบ ก่อนส่งตัวอย่างเลือดและกระดูกไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของมนุษย์หรือไม่ ขณะที่ฝ่ายสืบสวนเร่งสืบหาพยานแวดล้อมต่างๆ และตรวจสอบคนหายในพื้นที่
ขณะเดียวกันจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า คนร้ายมีมากกว่า 2 คน ได้จุดไฟเผาตั้งแต่ช่วงกลางคืนถึงเช้า ขณะที่ควันไฟยังคลุ้งอยู่ช่วงเช้า ได้เข้าไปใช้ไม้เขี่ยและใช้วัสดุพลาสติก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกระติกน้ำไปใส่เป็นเชื้อเพลิงเพื่อให้ไฟไหม้ให้หมด ก่อนที่จะหลบหนีไป
ต่อมานางเพ็ญศรี คงคำ ชาว ต.คลองอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าพบตำรวจสงสัยว่าผู้ตายที่ถูกฆ่าเผานั่งยาง จะเป็นบุตรชายชื่อนายสหภาพ หรือ ต้อย คงคำ อายุ 45 ปี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เวลาประมาณ 12.00 น. พร้อมกับรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสี่ประตู สีขาว ทะเบียน 8 กฒ-8870 กรุงเทพฯ ซึ่งได้แจ้งความไว้แล้ว โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบรถกระบะขับมุ่งหน้า จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อตรวจสอบประวัตินายสหภาพพบว่าเคยถูกจับ คดียาเสพติด ขณะที่การตรวจสอบในพื้นที่พบว่าเมื่อเย็นวันที่ 1 มิ.ย. มีชายไทย 2 คน ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีแดง เข้ามาหาซื้อน้ำมันเบนซินและยางรถยนต์เก่าในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ได้ไปเพียงน้ำมันเบนซิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนทราบว่าชายไทย 2 คน ดังกล่าวคือ นายยศพัทธ์ หรือ หนู พ่วงเพชร อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นหลานชาย น.ส.ปราณี เจ้าของสวนปาล์ม และนายณรงค์ หรือ บอย รอดเจริญ อายุ 32 ปี
ตำรวจได้ข้อมูลว่า นายยศพัทธ์ นายณรงค์และผู้ตาย เพิ่งออกจากคุกคดียาเสพติดได้ไม่นาน ทำให้ทุกอย่างเริ่มเข้าเค้า งานนี้ฟันธงได้เลยว่าต้องเป็นการฆ่าล้างหนี้ หรือหักหลังกันเรื่องยาเสพติด
ในที่สุดก็ปิดคดีได้ วันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กก.สส.ภ.7 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทัศจักร ลีลาโรจนกุลเลิศ พ.ต.ท.สมมาตร สังข์ทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.วศพล เรืองจ้อย รอง ผกก.สส. ร.ต.อ.วินัย รายละเอียด รองสารวัตร(สอบสวน) เจ้าของคดี พร้อมชุดสืบสวน
นำตัวนายยศพัทธ์และนายณรงค์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายหลังวันที่ 14 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน ยื่นคำร้องขอออกหมายจับทั้งคู่ ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ยักย้ายทำลายศพเพื่ออำพรางคดี” ก่อนสามารถติดตามจับกุมตัวนายยศพัทธ์ได้ที่กรุงเทพฯ และนายณรงค์ได้ที่ จ.มุกดาหาร
จากการสอบสวนนายยศพัทธ์ให้การสารภาพ พร้อมเล่าเหตุการณ์เป็นฉากๆ ว่ามูลเหตุมาจากนายสหภาพ ผู้ตายติดหนี้ค่ายาบ้ากับนายทุนชาวลาว จำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งมีนายยศพัทธ์ค้ำประกันให้ โดยทั้งหมดรู้จักกันในเรือนจำ แต่ผู้ตายพ้นโทษมาก่อน จึงแนะนำให้รับยาจากนายอินฟัน นายทุนชาวลาวไปขาย ทยอยเอาของหลายครั้งแต่ไม่ยอมจ่ายสตางค์
เมื่อนายยศพัทธ์และนายณรงค์ออกจากเรือนจำ จึงถูกสั่งให้มาจัดการเรื่องหนี้สิน เคยนัดกันแล้วครั้งหนึ่งแต่เจ้าตัวไม่ยอมมาพบ กระทั่งต้องหลอกว่ามีลูกค้ายาบ้ามาติดต่อจะซื้อยา นายสหภาพจึงหลงกลเดินทางมาพบที่สวนปาล์มจุดเกิดเหตุ
โดยระหว่างที่นายสหภาพกำลังโทร.เคลียร์ เรื่องหนี้สินกับนายทุนชาวลาวอยู่นั้น นายยศพัทธ์ซึ่งได้รับคำสั่งให้ฆ่ามาตั้งแต่ต้น ใช้ไม้ที่เตรียมไว้ตีจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปเผานั่งยาง เผาไปได้สักพักนายยศพัทธ์จึงขับรถยนต์ของผู้ตายออกไปเพื่อหวังนำไปขายล้าง หนี้ ส่วนนายณรงค์ขับรถเก๋งสีแดงไปพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุด เกิดเหตุ
ทั้งคู่กลับมาดูที่จุดเผาศพอีกครั้งในช่วงเช้า เขี่ยกองไฟดูให้แน่ใจว่าเผาศพจนหมดแล้ว จึงแยกย้ายกันหลบหนี
สุดท้ายปลายทางของคนในวงการนี้ ไม่ตายก็ติดคุก ยังเป็นจริงเสมอ
โดย…เจริญ อาจประดิษฐ์ / พิมพร อยู่รุ่ง
เรื่อง/ภาพ
