ผ่าคดีสยองเมืองสุราษฎร์ ยิงหัวฆ่าคว้านท้องฝังดิน ไอ้โหดแค้นถูกด่าบุพการี
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
สยองเมืองสุราษฎร์ – พ่อแม่ใครใครก็รัก ย่อมไม่ยอมให้ใครลามปาม หลายคนถึงกับฟิวส์ขาดเมื่อถูกด่าพ่อล่อแม่
เย็นวันที่ 17 มิ.ย. พ.ต.ท.กำธร จันทร์ฉาย รอง ผกก.สภ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.ศุภชัย สังข์ประคอง รอง ผกก.สส.สภ.วิภาวดี พ.ต.ท.วิทยา พิทักษ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบบริเวณป่าบนเขา หลังหมู่บ้านคลองชุม หมู่ที่ 13 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี หลังรับแจ้งพบศพถูกฆ่าสยองฝังดิน
คดีนี้เริ่มต้นจากที่นายนิรุต มณีรัตน์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง (คลองชุม) แจ้งว่านายจรัญ นาคแก้ว หรือบ่าว อายุ 42 ปี ชาว ต.เชี่ยวเขา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคนรู้จักกันหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนช่วยกันออกตามหา จนมาพบว่ากลายเป็นศพถูกฆ่าและฝังอยู่ที่จุดเกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุซึ่งมีทางขึ้นเขาเป็นลักษณะเขาชันทุรกันดารและฝนตก ทำให้ทางเข้าที่เกิดเหตุเป็นไปอย่างทุลักทุเล ที่เกิดเหตุพบร่องรอยดินกลบฝังเป็นหลุมขนาดกว้างประมาณ 1.5 x 1.5 เมตร ลึกประมาณ 1.5 เมตร อยู่ใกล้กับลำธาร
เจ้าหน้าที่ช่วยกันขุดจนพบร่างของผู้ตายซึ่งเสียชีวิตมากว่า 6 วัน อยู่ในลักษณะหัวทิ่มลงกับพื้นหลุม ใส่กางเกงวอร์มขายาวตัวเดียว บริเวณหน้าท้องถูกของมีคมแทงจนไส้ทะลักออกมา เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่างของผู้ตายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะนำศพส่งชันสูตรที่นิติเวช ร.พ.สุราษฎร์ธานี ก่อนพบว่าถูกยิงหลายนัดที่ศีรษะและลำตัว
นายนิรุตให้การว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่ขนำใกล้ที่เกิดเหตุตามลำพังเพียงคนเดียวนานกว่า 4 ปี และมีอาชีพรับจ้างทำสวนทั่วไป ก่อนที่จะหายตัวไปผู้ตายพร้อมกับนายโอ๋ และนายปอนด์ ไปรับจ้างซ่อมแซมท่อส่งน้ำเข้าสวนแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบผู้ตายอีกเลย จึงออกตามหาจนพบกองดินที่เพิ่งขุดใหม่ๆ จึงตรวจสอบพบศพถูกฝังอยู่
นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของผู้ตายเบื้องต้น ทราบว่ามีหมายจับ สน.ดินแดง ในคดีฆ่าผู้อื่น เมื่อปี 2558 และหลังก่อเหตุคาดว่าหลบหนีมากบดาน
ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.ที่ 45 ลงพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด โดยเฉพาะบริเวณจุดเกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีใช้เครื่องมือสแกนหาวัตถุ ตรวจบริเวณทั่วพื้นที่ที่คาดว่าเป็นจุดที่ผู้ตายถูกสังหาร และในลำธาร รวมไปถึงจุดที่ฝังศพผู้ตาย เพื่อตรวจหาปลอกกระสุน และวัตถุพยานอื่นๆ เพิ่มเติม
โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกระจายกำลังลงพื้นที่บ้านผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 ราย พร้อมควบคุมตัว 1.นายพิเชษฐ์ สังข์ศิลปชัย หรือโอ๋ อายุ 37 ปี 2.นายชาญวิทย์ เพชรรัตน์ หรือบอล อายุ 33 ปี และ 3.นายสุรพงศ์ สุขแก้ว หรือจิ้งจก ผู้ต้องสงสัยที่หายออกจากพื้นที่หลังเกิดเหตุ
รวมไปถึงเข้าตรวจค้นบริเวณสวนทุเรียนพื้นที่หมู่ที่ 13 ต.ตะกุกเหนือ ซึ่งเป็นสวนที่พยานพบเห็นผู้ตายและผู้ต้องสงสัยช่วยกันซ่อมท่อส่งน้ำก่อนจะหายตัวไป ก่อนพบหัวกระสุน ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 2 หัว รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไม่ทราบทะเบียน และปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 ปลอก และตรวจยึดจอบ และรองเท้าบู๊ต ไปตรวจพิสูจน์ว่าตรงกับที่พบในจุดเกิดเหตุหรือไม่
อีกจุดเป็นสวนของนายสุรพงศ์ ซึ่งเป็นที่กบดานของผู้ต้องสงสัยที่หายออกไปจากพื้นที่ ตั้งแต่วันที่เจอศพผู้ตาย พบกล่องเปล่ากระสุนขนาด .22 พร้อมเก็บลายนิ้วมือจากพร้าและขวานที่พบในขนำ
หลังถูกเค้นอยู่ไม่นานนายพิเชษฐ์ หรือโอ๋ รับสารภาพ โดยก่อนเกิดเหตุเข้าไปรับจ้างผูกกิ่งทุเรียนกับนายชาญวิทย์ และมาเจอกับนายจรัญผู้ตายก็เข้ามารับจ้างวางท่อส่งน้ำในสวนเหมือนกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายเรื่องผู้ตายด่าบุพการี
โดยวันเกิดเหตุหลังจากเลิกงานมานั่งดื่มเหล้ากันที่สวนดังกล่าว ก่อนจะเกิดมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายอีก และผู้ตายก็ยังด่าลามปามถึงบุพการีอีกครั้ง จึงใช้เท้าเตะหน้านายจรัญ 2 ครั้ง เจ้าของสวนจึงไล่ให้แยกกันกลับบ้าน แต่ตนเดินตามผู้ตายไปจนถึงที่เกิดเหตุ ก่อนใช้ปืนลูกซองยิงใส่และใช้ปืนขนาด 9 ม.ม. จ่อยิงใส่หัวอีก 3 นัด หลังจากก่อเหตุให้นายสุรพงศ์ช่วยลากศพไปตรงจุดที่พบศพ ใช้มีดผ่าท้องศพอีกครั้ง แล้วช่วยกันฝังก่อนแยกย้ายกัน โดยปืนเอาไปทิ้งน้ำ ส่วนนายชาญวิทย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนนายสุรพงศ์อ้างว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดจึงเดินตามไปดู ก่อนพบว่านายพิเชษฐ์ได้ยิงนายจรัญเสียชีวิตแล้ว นายพิเชษฐ์ได้บังคับให้ไปเอาจอบมาช่วยกันนำศพไปฝัง จึงยอมทำตามเนื่องจากกลัวถูกยิง
ตำรวจคุมตัวแจ้งข้อหานายพิเชษฐ์และนายสุรพงศ์ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และฝังซ่อนเร้นศพเพื่อปกปิดสาเหตุแห่งการตาย” ก่อนคุมตัวไปงมหาปืนของกลางและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ปิดคดีฆ่าสยองลงได้อย่างรวดเร็ว