ผ่าคดี!รัดคอฆ่าแม่บ้าน

ตร.จับผัวโหดคารถทัวร์

ฉุนไม่คืนดี-บล็อกเฟซ

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

“ผมเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป และคงไม่มีโอกาสดูแลแม่กับลูกๆ อีกต่อไปแล้วฝากแม่ช่วยดูแลลูกๆ ด้วย” คำพูดที่ นายเอก ท้วมเพชร อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดตรัง บอกกับมารดาก่อนจะจากมาด้วยความเศร้า

ย้อนไปเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ค. ร.ต.ท.หญิง วิภาวรรณ วัธนเงินทนง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตภายในห้องพักของแมนชั่นแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต

สดจากสนามข่าว

แถลงปิดคดี

หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รองผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ภายในห้องพักไม่ทราบเลขที่ ชั้น 4 ของแมนชั่น พบศพ น.ส.ฝนทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจ.ตรัง สภาพสวมเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีแดง อยู่ในท่านอนหงายบนพื้นห้องข้างเตียงนอน พบเชือกไนลอนสีขาวผูกมัดที่ลำคอ เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ภายในห้องพักพบข้าวของกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐาน และนำศพส่งชันสูตรยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

สดจากสนามข่าว

นำศพส่งชันสูตร

เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตมีอาชีพเป็นแม่บ้านให้กับเจ้าของแมนชั่น และพักอาศัยอยู่ห้องดังกล่าวเพียงลำพัง หลังจากมีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวกับสามี จนต้องแยกกันอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน โดยฝ่ายสามีพาลูก 2 คนกลับไปอยู่บ้านที่จ.ตรัง

ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พยานพบเห็นนายเอก ท้วมเพชร อายุ 40 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เดินทางมาหาที่ห้องพัก ก่อนจะมาพบว่าเป็นศพในช่วงเช้าดังกล่าว พยานแวดล้อมมุ่งไปที่สามีคือผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจมีปากเสียงกัน ก่อนจะถูกสามีใช้เชือกรัดคอจนขาดอากาศหายใจแล้วหลบหนีไป

สดจากสนามข่าว

คุมตัวกลับภูเก็ต

ชุดสืบสวนรีบตามไปที่บ้านของนายเอกที่จังหวัดตรัง ก่อนพบว่าเจ้าตัวหนีกลับมาที่บ้านจริงๆ แต่หลังจากร่ำลาลูกๆกับแม่แล้วก็หลบหนีต่อเจ้าหน้าที่ จึงประสานตำรวจทางหลวงตามเส้นทางถนนเพชรเกษมให้ช่วยตรวจสอดส่องหาตัว

กระทั่งเช้าวันที่ 3 ก.ค. พ.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ งานแฉ่ง สว.ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ส.ทล.3 กก.2 รับแจ้งจาก ร.ต.อ.สำราญ แก้วโก้ รอง สว.ส.ทล.3 กก.2 ว่า ด.ต.วังทอง ศรัณย์วิริยะพงศ์ หัวหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงเกาะหลัก พบนายเอกนั่งอยู่บนรถโดยสารปรับอากาศประจำทาง ม.4พ สายกรุงเทพฯ-หาดใหญ่-ด่านนอก จึงนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ

นายเอกยอมรับแต่โดยดีว่า เพิ่งก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายภรรยาจนเสียชีวิต โดยอ้างว่าก่อนหน้านี้ รู้ระแคะระคายว่าภรรยาของตนแอบคบกับชายอื่นที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก อีกทั้งภรรยายังบล็อกเฟซบุ๊กของตนเองอีกด้วย

สดจากสนามข่าว

จนมุมคารถทัวร์

ในวันเกิดเหตุตนขอดูโทรศัพท์ แต่ภรรยาไม่ให้ดู จึงรู้สึกโมโหจึงใช้มือบีบคอภรรยาอย่างแรงจนแน่นิ่งไป จากนั้นตนจึงใช้เชือกรัดคอภรรยาซ้ำ จนแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว

ภายหลังเกิดเหตุตนได้พาลูกสาวและลูกชายจากบ้านที่ภูเก็ต ไปหาแม่ของตนเองที่ จ.ตรัง โดยฝากให้แม่ช่วยดูแลหลานพร้อมทั้งบอกกับแม่ว่าเสียใจที่ไม่มีโอกาสดูแลแม่ได้ และลูกๆ ของตนก็ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอะไรตนถึงพามาอยู่กับย่า

จากนั้นได้ขึ้นรถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ หวังหลบหนีแต่ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะไปที่ไหนต่อดี เตรียมใจไว้บ้างแล้วว่าอาจจะถูกตำรวจจับและก็มาถูกจับจริงๆ หลังนายเอกก้มหน้ารับสารภาพความผิดแต่โดยดี ตำรวจจึงนำตัวส่งกลับไปให้สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต

ขณะที่นายเอกเปิดเผยว่า ตนก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แต่มันก็ทำผิดพลาดไปแล้ว ทำไปเพราะว่าตั้งความคาดหวัง ตั้งความรักเอาไว้ทั้งนั้น ตนรักเขามากๆ รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง รักแบบที่ไม่เคยนอกใจเลย แต่ที่ทำไปก็ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ขณะเกิดเหตุภรรยาด่าทอตน ทั้งๆ ที่ตนดูแลมาตลอดทำกับข้าวให้กินทุกวัน

ชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยความรัก ความผูกพันและความเข้าใจ หากหมดรักหมดทุกอย่างแล้ว ก็ควรจากกันไปด้วยดี หากยังรั้งกันไว้ วันหนึ่งอาจลงเอยเช่นเดียวกับคู่นี้

โดย อรรณพ เพ็ชรภิมล/เจริญ อาจประดิษฐ์/พิมพร อยู่รุ่ง/เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน