ผ่าคดีฆ่าหนุ่มโรงงาน
จ่อยิง14นัดจนร่างพรุน
ต้นเหตุแค่แกงถุงเดียว
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ผ่าคดีฆ่าหนุ่มโรงงาน – คําพูดเพียงไม่กี่คำ สามารถเปลี่ยนมิตรให้เป็นศัตรูได้ในพริบตา หรืออาจกลายเป็นชนวนของเหตุสยอง เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายโมง วันที่ 10 ก.ค.
เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอจะนะ พร้อม พ.ต.อ.โกศล ปราบกรี ผกก.สภ.ควนมีด ร.ต.อ.ศักดิ์ดา ทองนุ่น รอง สว.สอบสวน สภ.ควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา นำกำลังไปตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 33/3 ม.10 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ใกล้กับบริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู๊ด จำกัด หลังรับแจ้งเหตุยิงกันตาย
ที่เกิดเหตุพบศพนายธีระพล หมัดกะเส็ม อายุ 23 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ในสภาพที่ยังคร่อมรถจยย.ฮอนด้า ซูเปอร์คัพ สีขาว–ชมพู หมายเลขทะเบียน 1 กบ-1383 สงขลา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.เข้าที่ศีรษะและลำตัวรวม 14 นัด โดยเฉพาะที่ใบหน้าถูกยิงจนเละแทบจำไม่ได้
จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุคือ นาย วิรัตน์ จันทอิ อายุ 32 ปี เจ้าของบ้าน โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายกำลังขี่รถจยย.กลับจากที่ทำงาน นายวิรัตน์โดดออกมาขวางรถเอาไว้ ก่อนชักปืนยิงใส่ผู้ตายจำนวน 3 นัด และกระหน่ำยิงใส่ชุดใหญ่จนหมดแม็กอีก 11 นัด ก่อนหลบหนีไป
ขณะที่นายเสรี หมัดกะเส็ม อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อของผู้ตาย เผยว่า ผู้ตายเป็นลูกคนโตจากทั้งหมด 3 คนพี่น้อง และเพิ่งปลดประจำการจากทหารเกณฑ์ และมาสมัครเป็นคนงานที่บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู๊ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปสัตว์น้ำได้ยังไม่ถึงเดือนเท่านั้น ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดใจขึ้น
สาเหตุของความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นมาจากเรื่องเล็กๆ แต่กลับบานปลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านของ นายวิรัตน์ซึ่งก็เป็นเครือญาติเดียวกัน จัดงานทำบุญขึ้นที่บ้านพักที่อยู่ห่างกัน 500 เมตร
ทางลูกพี่ลูกน้องของผู้ก่อเหตุโทร.มาชวนนายธีระพล ลูกชายไปกินข้าวที่บ้าน แต่ลูกชายไม่ว่าง เพราะตอนเที่ยงต้องไปส่งแม่ที่ อ.หาดใหญ่ จึงได้ขอให้เอามือถือไปส่งให้นายวิรัตน์เพื่อจะขอคุยด้วย แต่ปลายสายกลับส่ง มือถือไปให้ นายวิโรจน์ จันทอิ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของนายวิรัตน์ พูดสายแทน
ลูกชายของตนบอกไปว่า วันนี้ไม่ว่างเข้าไปกินข้าวที่บ้าน ขอให้ช่วยตักแกงเอาไว้ให้ด้วย แต่แทนที่นายวิโรจน์จะพูดจาดีๆ ตามประสาญาติพี่น้องกัน แต่กลับพูดว่า ให้มาตักเอาเอง รำคาญ
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายโมงวันเดียวกันลูกชายจึงได้เข้าไปสอบถาม เพื่อเคลียร์เรื่องราวการพูดจาไม่เข้าหูที่เกิดขึ้นยังบ้านของผู้ก่อเหตุ และมีปากเสียงทะเลาะวิวาทชกต่อยกันขึ้น แต่ได้มีการห้ามปราม ก่อนแยกย้ายกันไป และทางฝ่ายผู้ก่อเหตุยังได้อาฆาตแค้น และขู่บอกว่าให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี
พ่อของผู้ตายยังเผยด้วยว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวฝ่ายลูกชายก็รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย และไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.ควนมีด เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณเที่ยงครึ่ง เห็นนายวิรัตน์ผู้ก่อเหตุ ขับรถจักรยานยนต์ตามลำพังมาวนเวียนอยู่หน้าบ้านตน 2 รอบ แล้วหายไป ก่อนที่ลูกชายของตน ซึ่งขับรถออกมาจากโรงงาน เพื่อมาทานข้าวเที่ยงที่บ้าน ระหว่างทางก่อนจะถึงโรงงาน ต้องขับผ่านบ้านของนายวิรัตน์และมีการยิงกันเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่อุกอาจ และรุนแรงเกินกว่าที่มนุษย์จะทำ เพราะยิงแบบบ้าคลั่งถึง 14 นัด จนแทบจะจำสภาพศพ และใบหน้าของลูกชายไม่ได้เลย คนในครอบครัวและญาติๆ ไม่มีใครรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรจะพูดกับผู้ก่อเหตุด้วย หากจับได้ก็สมควรให้ได้รับโทษขั้นสูงสุดถึงประหารชีวิตด้วย” นายเสรีกล่าวด้วยความแค้น
ภายหลังถูกกดดันหนัก ในที่สุดพ่อแม่และญาติๆ ก็พานายวิรัตน์เข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังหลบหนีไปได้เพียงหนึ่งคืน
นายวิรัตน์ยอมรับสารภาพแต่โดยดี จึงถูกแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” แต่ตำรวจไม่ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำสารภาพ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย โดยพ่อของ นายวิรัตน์พร้อมกับญาติๆ ฝากขอโทษไปยังฝ่ายญาติของผู้ตายที่เกิดเหตุ นี้ขึ้น เพราะทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเครือญาติกันแท้ๆ ไม่น่าจะมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
โดย – วันชัย พุทธทอง – อนงค์ วงศ์ช่วย – เรื่อง/ภาพ