เปิดคำพิพากษาเสี่ยเบนซ์ จำคุก 3 ปี–แต่รอลงอาญา
เจ้าตัวสำนึก–ชดใช้ 45 ล. สังคมแห่เทียบคดีแพรวา
คอลัมน์ แฟ้มคดี
เปิดคำพิพากษาเสี่ยเบนซ์ – มีบทสรุปไปเรียบร้อยแล้ว จากคำพิพากษาของศาล
สำหรับกรณีเสี่ยเบนซ์เมาซิ่งชนรถเก๋งของรองผกก.กองปราบฯ เป็นเหตุให้เสียชีวิตพร้อมภรรยา ขณะที่ลูกสาวคนเล็กบาดเจ็บสาหัส
โดยสั่งจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ปรับอีก 1 แสนบาท ขณะที่โทษ จำคุกให้รอลงอาญา
ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงเดือนเม.ย. 2562 นับเวลาเพียง 3 เดือน ทุกอย่างก็ได้ข้อยุติ
โดยที่เรื่องสามารถจบได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะจำเลยหรือเสี่ยเบนซ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พร้อมทั้งแสดงความจริงใจในการสำนึกผิด ตั้งแต่การเข้าไปกราบขอขมาตั้งแต่วันแรก บวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต
ขอขมาญาติ
ประกาศเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต
รวมทั้งรับปากเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียโดยเฉพาะลูกทั้ง 2 ของเหยื่อจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
เป็นสิ่งที่ผู้สูญเสียสัมผัสได้และไม่ติดใจเอาความ
จบคดีลงอย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็อยู่ที่การดำเนินการตาม ข้อตกลงให้มีผลเป็นรูปธรรม
จำคุกเสี่ยเบนซ์–รอลงอาญา
บทสรุปจากศาลครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ก.ค. โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1839/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ยื่นฟ้องนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ เป็นจำเลย
ในความผิดขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถขณะเมาสุรา หรือมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย ขับรถโดยประมาท อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา
เสี่ยเบนซ์บวชอุทิศส่วนกุศล
โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2562 เวลาประมาณ 23.30 น. พนักงานสอบสวนสน.ศาลาแดง รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันที่ถนนทวีวัฒนา–กาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา
ที่เกิดเหตุพบรถเบนซ์ ทะเบียน บฮ 789 กทม. สภาพพังยับเยินเสียหาย ใกล้กันพบรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 2กก 3653 กทม. ภายในพบศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รองผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. หรือที่รู้จักกันว่า ‘รองตี๋’ เสียชีวิตอยู่ภาย ในรถ
นอกจากนี้พบว่านางนงนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา และด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล หรือ น้องแพรว อายุ 12 ปี ที่อยู่ในรถด้วย บาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาล ต่อมานางนงนาฏเสียชีวิต ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสมชายดื่มเบียร์มาจากสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง แขวงและเขตทวีวัฒนา กระทั่งเวลา 23.30 น. นายสมชายขับรถเบนซ์คันดังกล่าว ออกมาตามถนนทวีวัฒนา–กาญจนาภิเษก จากพุทธมณฑลสาย 2 มุ่งหน้าไปยังถนนพุทธมณฑลสาย 2
2 ลูกสาวรองตี๋และเสี่ยเบนซ์ฟังคำพิพากษา
เมื่อถึงที่เกิดเหตุนายสมชายขับรถด้วยความเร็ว ล้ำเข้าไปในช่องเดินรถที่พ.ต.ท.จตุพร วิ่งสวนมา ก่อนที่รถทั้งสองคันพุ่งชนกันอย่างแรง เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว
โดยในที่เกิดเหตุนายสมชายถูกนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด พบสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่กฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ขณะที่นายสมชายให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาของศาล
ศาลพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพและรายงานการสืบเสาะพินิจจำเลย เกี่ยวกับประวัติการศึกษา อาชีพ ครอบครัว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300 และพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(2)(4) มาตรา 67 วรรคหนึ่ง, 152, 157, 160 ตรี วรรคสาม วรรคสี่ อันการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี ปรับ 2 แสนบาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี พร้อมปรับ 100,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.29, 30
เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของนายสมชาย จำเลย และสั่งห้ามจำเลย ดื่มสุรา–เบียร์ หรือเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดด้วย
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี กับทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 48 ชั่วโมง ภายเวลา 1 ปี ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด
เป็นบทสรุปที่เกิดจากคำพิพากษา
สำนึกผิด–เยียวยา 45 ล้าน
ภายหลังรับฟังการพิจารณาคดี นายสมชายระบุว่า อยากกราบขอบคุณครอบครัวผู้เสียหายทั้ง 2 ครอบครัว ซาบซึ้งมากท่านให้อภัยการกระทำของตนตั้งแต่วันแรกๆ และอนุญาตให้ไปรดน้ำศพตั้งแต่คืนแรก จนถึงบวชหน้าไฟในวันสุดท้าย การให้อภัยคือบุญที่ประเสริฐ ตนบอกกับตัวเองให้ตอบแทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือเหตุผลที่ตนเยียวยาไป และหลังจากที่มีการเยียวยา เงินส่วนใหญ่ทั้งหมดก็จะตกไปอยู่กับน้องทั้งสอง
ส่วนครอบครัวของคุณขนิษฐาที่ต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องทั้งสองก็รวมเป็น 7 คน เงินใช้จ่ายแต่ละเดือนคงจะไม่พอ
เพื่อเป็นการตอบแทนในการอโหสิกรรมและให้อภัย อยากมอบเงินให้กับน้องทั้งสอง คนละ 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกเดือนละ 20,000 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 40,000 บาท ก็จะช่วยเหลือกันทุกเดือน เป็นระยะเวลา 8 ปี จนกว่าน้องทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ
หลังจากนี้ตนที่กระทำความผิดคงไม่กล้าไปให้คำแนะนำใคร ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตนก็เลิกดื่มตลอดชีวิต ใครจะทำตามก็ได้ ขอขอบคุณสังคมที่ให้ความเมตตา เข้าใจ
นางขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์ ป้าของเด็กทั้งสอง พี่สาวของนางนุชนาฏ ป้าของเด็กทั้งสอง ระบุว่า ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวใดก็ตามที่ได้เกิดการสูญเสีย ไม่มีทางไหนที่จะทำให้เกิดการพอใจได้ การสำนึกผิดที่จะบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
ครอบครัวต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้น้องทั้งสองอย่างมากมาย ทำให้เราก้าวข้ามผ่านวันที่ลำบากยากเย็นมาได้
สภาพรถพ.ต.ท.
น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล หรือน้องพลอย อายุ 16 ปี บุตรสาวคนโตของรองตี๋ กล่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้น และให้อภัยนายสมชาย สิ่งที่ทำให้ก้าวผ่านเหตุการณ์มาได้ มีทั้งเพื่อน ที่บ้าน และทุกๆ คนเป็นกำลังใจให้ ซึ่งตนและน้องก็จะตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นายสมชายได้ทำข้อตกลงไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและเงินเยียวยาวที่สน.ศาลาแดง
ประกอบด้วยดูแลค่าไร้อุปการะให้กับมารดาของ พ.ต.ท. จตุพร เป็นเงิน 2.5 ล้านบาท ให้ครอบครัวของภรรยา พ.ต.ท. จตุพร 2.5 ล้านบาท ดูแลเรื่องหนี้สินในบัตรเครดิตให้ทั้งหมดให้ญาติทั้ง 2 ฝ่าย 5 ล้านบาท
ส่วนลูกสาวทั้ง 2 คน จะมอบเงินให้คนละ 15 ล้านบาท เมื่อบรรลุนิติภาวะ และอื่นๆ อีกรวมแล้วประมาณ 45 ล้านบาท
เป็นการเยียวยาที่ได้กระทำผิดลงไป
เทียบคดีแพรวา–จับตาชดใช้เหยื่อ
แน่นอนว่าคดีของนายสมชาย ที่มาถึงบทสรุปหลังเกิดเหตุไปเพียง 3 เดือน ย่อมถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กับคดีแพรวา ที่ขับเก๋งซีวิคชน 9 ศพบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์เมื่อ 9 ปีก่อน
ซึ่งคดีดังกล่าวผ่านการพิจารณาจากศาลทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง
โดยคดีอาญา สิ้นสุดในชั้นศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาท เป็นเหตุให้ ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 4 ปี ให้คุมประพฤติ 3 ปี ทำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลา 3 ปี รวม 144 ชั่วโมง
และห้ามขับรถยนต์จนกว่าอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์
ส่วนคดีแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลย ชดเชยค่าเสียหายกับกลุ่มโจทก์ในชั้นฎีการวมกว่า 24,796,925 บาท พร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ยรวมเป็นเงินประมาณ 41 ล้านบาท
ในขณะที่กลุ่มญาติของผู้เสียหายระบุยังไม่ได้รับการชดเชย โดยนางลัดดาวัลย์ อรุณวงศ์ แม่ของแพรวา หรือ น.ส.รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่ได้จ่ายเยียวยา เพราะไม่มีเงินสด พร้อมประกาศขายที่ดิน 2 แปลงที่อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ และที่ดินเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รวมมูลค่า 100 ล้านบาท หวังนำเงินไปจ่ายชดใช้
แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยมีแค่กระแสข่าวมีคนติดต่อขอซื้อ แต่ทุกอย่างเงียบหาย
อย่างไรก็ตามยังมีกำหนดเวลาที่รมว.ยุติธรรมวางไว้ว่าคำบังคับ คดีจะครบกำหนด ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ จากนั้นจำเลยมีเวลา 30 วัน จะครบกำหนดจ่ายชดเชย คือวันที่ 28 ส.ค. 62
หากผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าว ฝ่ายโจทก์จะต้องขอกำหนดตัวเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อเริ่มต้นการเช้าสู่ขั้นตอนการบังคับคดี โดยทนายโจทก์ขอศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้มีอำนาจสืบทรัพย์ เมื่อได้ทรัพย์แล้วจะตั้งเรื่องให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อประกาศขายทอดตลาด
ไม่จบรวดเร็วเหมือนคดีเสี่ยเบนซ์
และยังไม่รู้เลยว่าจะมีบทสรุปอย่างไร
