นาทีจับหนุ่มโจรสายชิล

ชิงเงิน‘ออมสิน’ชัยนาท

แล้วเดินห้างกิน‘ไอติม’

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

คดีอุกอาจประเภทปล้นจี้ธนาคาร นับวันจะเพิ่มความถี่ขึ้น จนเกือบจะพูดได้ว่ากลายเป็นเหตุร้ายรายวันไปแล้ว ผู้ก่อเหตุมักอ้างเรื่องพิษภัยของเศรษฐกิจที่ตกสะเด็ด สุดท้ายแล้วส่วนใหญ่มีปฐมบทมาจากติดหนี้สินการพนัน

ล่าสุดยังเกิดคดีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคารกลางเมืองชัยนาท แต่ผิดจากคดีอื่นที่จะรีบหลบหนีไปให้ไกลจากเงื้อมมือตำรวจ รายนี้กลับเป็นโจรสายชิลแวะเดินเที่ยวห้าง ซื้อไอศกรีมกินคลายร้อนหลังก่อเหตุสบายใจ เฉิบ

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสาย วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.แวนร์ จิตรจารุวงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชัยนาท รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขู่กรรโชกทรัพย์เงินจากธนาคารออมสิน สาขาสะพานใหม่ ถนนทางหลวงหมายเลข 340 ช่วงชัยนาท-สุพรรณบุรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยนาท

สดจากสนามข่าว

ภาพวงจรปิดชัดเจน

หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมพล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชัยนาท พ.ต.อ.ชัชพิมุข มีมุข ผกก.สถ.เมืองชัยนาท เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ พฐ.

ที่เกิดเหตุพบพนักงานธนาคารทั้งชายและหญิงยังตื่นตระหนกกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

น.ส.ศิวพร เคารพธรรม พนักงานธนาคารออมสิน ให้การว่า ขณะกำลังให้บริการลูกค้า เป็นจังหวะที่ รปภ.ของธนาคารออกไปหาหมอ

คนร้ายเป็นชายแต่งกายสวมเสื้อแขนยาวสีเทา นุ่งกางเกงวอร์มขายาวสีดำ สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์ทำท่ามือไพล่หลังเหมือนมีอาวุธปืนบังคับให้ส่งเงินไปให้ โดยบอกว่าไม่มีทางเลือก จำเป็นจริงๆ ต้องทำแบบนี้

สดจากสนามข่าว

สอบปากคำพยาน

แม้จะเกิดความกลัวแต่พนักงานสาวพยายามตั้งสติแล้วเดินไปหาผู้จัดการธนาคาร ระหว่างนั้นคนร้ายก็เดินตามจะไปหาผู้จัดการด้วย

พนักงานอีกคนเห็นท่าทีของเพื่อน ร่วมงานและชายคนดังกล่าวที่ผิดสังเกต จึงรีบกดสัญญาณเตือนภัยแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ

เมื่อคนร้ายรู้ว่ากดสัญญาณฉุกเฉิน ก็ตะคอกใส่น.ส.ศิวพรว่า ทำแบบนี้ทำไม จนพนักงานสาวกลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธ จึงหยิบเงินส่งไปให้รวม 20,800 บาท ก่อนที่คนร้ายจะเดินหนีออกจากธนาคาร ไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่รีบเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดภายในธนาคาร เพื่อตรวจสอบรูปพรรณคนร้าย ก่อนกระจายกำลังออกไล่ล่าตัว

เพียงไม่นานก็พบตัวคนร้ายเดินอยู่ภายในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 300 เมตร ทันทีที่เห็นตำรวจคนร้ายก็รีบวิ่งหนีออกจากห้างดังกล่าว หายเข้าไปในตึกของสำนักงานเมืองไทย ลิสซิ่ง ที่อยู่ใกล้กัน

สดจากสนามข่าว

นายภาคภูมิ ทับเงิน ผู้ต้องหา

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามรปภ.ประจำตึกได้ความว่า ชายคนดังกล่าวมาขอเข้าห้องน้ำ จึงรีบตามไปดู พบว่าคนร้ายกำลังปีนออกจากห้องน้ำขึ้นไปยังตึกชั้นบนที่เป็นห้องว่าง จึงจับกุมตัวได้ในที่สุด ค้นในตัวพบเงินสด 20,600 บาท และลอตเตอรี่อีก 1 คู่ ก่อน คุมตัวไปสอบสวนที่สภ.เมืองชัยนาท

ผู้ต้องหาสารภาพว่า ชื่อ นายภาคภูมิ ทับเงิน อายุ 26 ปี เป็นชาวสิงห์บุรี อ้างสาเหตุที่ต้องก่อเหตุเพราะติดหนี้พนันออนไลน์มากถึง 4 หมื่นบาท

ก่อนก่อเหตุขับรถกระบะสีเทา ทะเบียน บจ 7396 สิงห์บุรี ออกจากบ้านพักที่สิงห์บุรีแบบไร้จุดหมาย ปลายทาง เพราะคิดไม่ออกว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้พนัน

นายภาคภูมิให้การอีกว่า ครั้งแรกไม่ได้มีความคิดที่จะปล้นธนาคาร แต่เมื่อขับรถผ่านที่เกิดเหตุเห็นว่าปลอดคนและไม่มี รปภ.หรือตำรวจอยู่ จึงตัดสินใจลงมือเพียงลำพัง โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน โดยทำทีมีอาวุธปืนซ่อนอยู่ข้างหลังและข่มขู่พนักงานให้ส่งเงินให้

เมื่อได้เงินแล้วก็ไปที่ห้างดังกล่าวซื้อไอศกรีมกินเพื่อคลายร้อน แล้วซื้อลอตเตอรี่ 1 คู่ ใช้เงินไป 200 บาท เมื่อเห็นตำรวจจึงวิ่งหนีไปที่ตึกดังกล่าว ทำทีเป็นขอเข้าห้องน้ำแล้วฉวยจังหวะปีนตึกขึ้นไปชั้นบนหวังหาที่ซ่อนเงิน เผื่อว่าหนีรอดไปได้จะย้อนกลับมาเอา แต่ก็ถูกตำรวจตามไปจับตัวได้ทันควัน

หลังได้คำรับสารภาพทั้งหมด จึงแจ้งข้อกล่าวหา แล้วคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อส่งฝากขังต่อศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย

แม้ผู้ต้องหาจะให้การว่าก่อเหตุเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เมื่อทำผิดอาญาบ้านเมืองก็ต้องระเห็จเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในคุก โดยที่หนี้สินที่เกิดจากการพนันก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักสตางค์แดงเดียว

โดย เกวลี เกิดน้อย/เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน