สดจากสนามข่าว
อดิศร จิตตเสวี /ณเดช โรจนประดิษฐ์ /พนม คงเจริญ – เรื่อง/ภาพ
บัสโฮสเตสสาวหน้าตาดี ถูกพบเป็นศพโดนฆ่าเปลือย สยองคาห้องเช่าริมถนนกำแพงเพชร 2 ตร. ประชาชื่น รุดตรวจสอบ ตอนแรกพุ่งเป้าไปที่เรื่องชู้สาว แต่เมื่อคนร้ายถูกจับกุมตัวได้ ความจริงกลับกลายเป็นคนละเรื่อง
เหตุการณ์ที่ว่าเปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ร.ต.ท.จิระวัฒน์ จันทะโรจน์ รองสว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุ พบศพน.ส.วรรณทนี อธิจร อายุ 29 ปี ชาว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ภายในห้องเลขที่ 9 ชั้นที่ 2 อาคารที่พัก ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ร้อยตำรวจโทหนุ่มรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต. เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.อ. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.สมใจ เมฆหมอก สว.สส.สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวรร.พ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ศพถูกพบอยู่ในห้องน้ำในสภาพเปลือย มีบาดแผลถูกแทงรวม 5 แผล เข้ากลางหน้าผาก หางคิ้วขวา ข้อมือซ้าย และหน้าอกอีก 2 แผล ในห้องพบร่องรอยต่อสู้ โต๊ะรีดผ้าล้ม ขณะที่เตารีดยังคงเสียบปลั๊กไฟคาไว้ นอกจากนี้ยังพบมีดปลายแหลม 2 เล่ม ยาวประมาณ 1 ฟุต ถูกล้างทำความสะอาดซุกไว้ในกองผ้าห่ม
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายทำงาน เป็นพนักงานต้อนรับบนรถทัวร์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (รถทัวร์99) หรือบัสโฮสเตส วิ่งเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยทำงานมาได้ 1 ปีกว่า และพักอาศัยที่หอพักแห่งนี้ได้ 1 เดือน
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเพิ่งเลิกงานจากรถทัวร์ที่เดินทางมาถึงสถานขึ้นส่งหมอชิตในตอนเช้าและกลับห้องพัก โดยช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. มีคนได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากห้องผู้ตายว่า ช่วยด้วยหลายครั้ง ก่อนมีเสียงประตูปิดเสียงดังมาก จึงออกมาดูเห็นชายต้องสงสัย วิ่งออกจากอาคาร ก่อนข้ามรางรถไฟหลบหนีไป
ชุดสืบสวนยังทราบอีกว่าผู้ตายคบหากับแฟนหนุ่ม ซึ่งทำงานขับรถในบริษัทขนส่ง แต่ขณะเกิดเหตุแฟนหนุ่มทำงานขับรถไปที่จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนและยังไม่ได้เดินทางกลับมากรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเชิงลึกว่า ผู้ตายมีชายหนุ่มหลายคนมาติดพัน จึงคาดว่าคนร้ายอาจเป็นหนึ่งในกิ๊กของผู้ตาย โดยสาเหตุน่าจะเกิดจากความหึงหวงและชู้สาว ซึ่งขณะนี้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีกำลังเร่งติดตามบรรดาชายหนุ่มที่คบหาอยู่กับผู้ตายมาสอบสวน พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุโดยรอบเพื่อเร่งคลี่คลายคดี
งมกันอยู่หลายวันจนถึงทางตัน เมื่อไล่เช็กชายหนุ่มที่ ผู้ตายรู้จักทั้งหมด ไม่มีใครเข้าข่ายจะเป็นคนร้ายได้เลย ชุดสืบสวนกลับมาตั้งต้นใหม่เงียบๆ โดยอาศัยภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ นำไปไล่เช็กจนรู้ว่าคือ นายอภิรักษ์ กระจายสี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ถ.พิชัย (ตัดใหม่) ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ซึ่งมาเช่าห้องพักรายวันอยู่ในคืนก่อนเกิดเหตุ
ชุดสืบสวนติดตามร่องรอยของนายอภิรักษ์อย่างเงียบๆ ไม่ให้ไหวตัว กระทั่งรู้ว่านายอภิรักษ์มาร่วมงานศพตาของตัวเอง ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย บ้านเกิด จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับจากศาลอาญา
พ.ต.ท.สมใจ เมฆหมอก สว.สส.สน.ประชาชื่น พร้อมด้วยร.ต.อ.ประจบ ศรีแสง รอง สว.สส.นำกำลังฝ่ายสืบสวน ติดตามไปจับตัวไว้ได้ เมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ย. โดยมีหลักฐานเป็นเสื้อผ้าชุดสีเหลืองเปื้อนเลือดที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ
นายอภิรักษ์สารภาพว่า ลงมือก่อเหตุ จริงโดยก่อนเกิดเหตุไปหาเพื่อนที่ห้องพัก เพื่อหาช่องทางลักทรัพย์ จากนั้นเช่าห้องพักแบบรายวันที่อาคารที่เกิดเหตุตั้งแต่เวลา 22.15 น. วันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งเกือบ 9 โมง เช้า วันที่ 12 ก.ย. ระหว่างออกจากห้องเช่าเห็นผู้ตายนุ่งกระโจมอกนั่งรีดผ้าอยู่ในห้องพักและเห็นใส่สร้อยคอทองคำ จึงเข้าไปกระชากสร้อยเพื่อชิงทรัพย์และตั้งใจจะข่มขืน แต่ผู้ตายขัดขืนต่อสู้จึงใช้มีดแทงโดยไม่ได้ข่มขืนผู้ตาย
ขณะจะเดินออกจากห้องพักพบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สภาพขาดตกอยู่กับพื้น จึงฉวยติดตัวมาด้วย ก่อนนำไปจำนำที่ตลาดสี่มุมเมือง ได้เงิน 17,800 บาท จากนั้นเหมารถแท็กซี่กลับบ้านเกิด จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้
“ผมไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขา เพียงแค่ประสงค์ต่อทรัพย์สินเท่านั้น เนื่องจากจะหาเงินกลับภูมิลำเนา แต่เขาขัดขืนและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แถมยังด่าทอถึงบุพการีจนบันดาลโทสะ พลั้งมือก่อเหตุดังกล่าว” นายอภิรักษ์ให้การ
นายอภิรักษ์ให้การอีกว่าไม่เคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจำคุกคดีลักทรัพย์ที่สวรรคโลก เมื่อปี 2549 และปี 2553 มีหมายจับคดีอนาจารโดยทำงานโรงงานผสมยาง ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม แต่หยุดงานตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. เจ้าของกิจการจึงให้ออก จากงาน เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่คุมตัวฆาตกรโหดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งด่าของบรรดาไทยมุง ปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์
