เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. ตื้บพลทหารคาห้องฉุกเฉิน

ผู้การตร.เดือด-ฟัน6ข้อหา : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. – ไม่น่าเชื่อว่าขนาดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจริงจังกับเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันในโรงพยาบาล ถูกจับติดคุกไปก็หลายราย จนคิดว่าน่าจะรู้กันทั้งประเทศแล้วว่าในโรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าโจ๋บึงกาฬกลุ่มนี้มันไปอยู่ที่ไหนมา

เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. ตื้บพลทหารคาห้องฉุกเฉิน ผู้การตร.เดือด-ฟัน6ข้อหา : สดจากสนามข่าว

หนุ่มคู่กรณีนอนแผ่

เพจเฟซบุ๊ก ปากคาด โพสต์คลิปวงจรภาพภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดบึงกาฬ พร้อมระบุว่า เคยเห็นข่าวเกิดที่บ้านอื่นเมืองอื่น ไม่คิดว่าจะได้เห็นคลิปความป่าเถื่อนของพวกวัยรุ่นมาทะเลาะชกต่อยกันในห้องฉุกเฉิน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ฝาก สภ.ปากคาด บึงกาฬ และฝ่ายปกครองอำเภอปากคาด นำคนผิดมาลงโทษด้วยนะครับ

ป.ล.เหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้าจะเป็นมาอย่างไร ใครถูกใครผิดแอดไม่ทราบ แต่การชกต่อยทะเลาะวิวาทไม่ควรเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่เป็นสถานพยาบาลรักษาผู้เจ็บป่วยครับ

เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. ตื้บพลทหารคาห้องฉุกเฉิน ผู้การตร.เดือด-ฟัน6ข้อหา : สดจากสนามข่าว

ห้องฉุกเฉินที่เกิดเหตุ

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแสดงความเห็นต่อพฤติกรรมดังกล่าวจำนวนมาก ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เจ้าหน้าที่และคนอื่นที่อยู่ในร.พ.โดนลูกหลง จนได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาวันที่ 6 ต.ค. ร.ต.อ.อมรินทร์ วงศ์ตาแสง พนักงานสอบสวน สภ.ปากคาด จ.บึงกาฬ เผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 ต.ค. มี พลทหาร สุริวัฒน์ พลขันธ์ อายุ 22 ปี เดินทางเข้ามาแจ้งความว่า เมื่อประมาณ ตีหนึ่งที่ผ่านมา ขณะไปเที่ยวดูงานคอนเสิร์ตที่งานประเพณีแข่งเรือยาวของเทศบาลอำเภอปากคาด ได้มีกลุ่มวัยรุ่นหลายกลุ่มชกต่อยกันขึ้นและถูกลูกหลงขณะเข้าไปห้ามเพื่อน

พลทหารสุริวัฒน์ โดนเตะที่ชายโครงทำให้บาดเจ็บจึงไปพบหมอ ขณะกำลังจะขึ้นเตียงให้หมอดูอาการ มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากได้เข้ามาในห้องฉุกเฉิน ชี้หน้าว่าเป็นคนทำร้ายเพื่อนให้ได้รับบาดเจ็บ แต่พลทหารสุริวัฒน์ปฏิเสธจึงถูกชกแต่ไม่โดนเพราะดึงตัวหลบ พร้อมกับเหวี่ยงหมัดชกกลับคืนแต่ก็ไม่ถูกใคร จากนั้นได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกับคู่กรณีจนล้มลงที่พื้นห้อง จึงถูกเพื่อนคู่กรณีที่ตามมาด้วยเตะเข้าที่ใบหน้า 2 ที ตามคลิปจนได้รับบาดเจ็บเลือดไหลอาบใบหน้า

เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. ตื้บพลทหารคาห้องฉุกเฉิน ผู้การตร.เดือด-ฟัน6ข้อหา : สดจากสนามข่าว

ตร.ประชุมร่วม นพ.จรูญ สุรารักษ์ ผอ.ร.พ.

ตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คน ทราบชื่อนาย ศิวกร เทพจำปา อายุ 21 ปี และนายยศพล บุญหล่อ อายุ 19 ปี ผู้ที่เตะใบหน้าผู้เสียหาย โดยนายยศพลให้ผู้ปกครองมาพบพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายแทน แต่จะมามอบตัวภายหลัง ส่วนนายศิวกร เมื่อพบหน้าพลทหารสุริวัฒน์ จึงรู้เป็นเพื่อนเก่าที่เคยเรียนหนังสือจบ ม.6 มาด้วยกัน จึงพูดคุยจนเป็นที่เข้าใจกันและต่างฝ่ายไม่ติดใจเอาความ พนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกประจำวันแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านไป ขณะที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้แจ้งความเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินเสียหายหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

แต่พฤติกรรมอุกอาจเช่นนี้ยากที่จะปล่อยผ่านไปได้ วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และ พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ เดินทางลงพื้นที่ สภ.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนนำตัว 2 วัยรุ่นที่เข้าไปทำร้ายคู่อริมาดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด และสอบสวนขยายผลไปหากลุ่มเพื่อนที่บุกไปโรงพยาบาลด้วยกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากมีให้นำมาดำเนินคดีให้หมด เพื่อให้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่เยาวชนอีกต่อไป

ต่อมาผบก.ภ.จว.บึงกาฬ เดินทางไปประชุมปรึกษาหารือร่วมกับ นพ.จรูญ สุรารักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากคาด และเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเปิดเผยว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ สาธารณสุขจังหวัดให้ความสนใจในคดีดังกล่าวมาก มอบหมายให้ตนลงพื้นที่มาร่วมปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด จากการหารือกันได้พิจารณาแล้วว่าการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่สมควรที่จะเป็นแบบอย่าง ควรที่จะลงโทษให้สูงสุดในทุกข้อหา

เกาะติดคดี2โจ๋กร่างกลางรพ. ตื้บพลทหารคาห้องฉุกเฉิน ผู้การตร.เดือด-ฟัน6ข้อหา : สดจากสนามข่าว

พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ แถลง

ซึ่งในขณะนี้พยานหลักฐานที่มีและปรากฏอยู่จะดำเนินคดี จำนวน 6 ข้อหา 1.ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นในเวลากลางคืน 2.ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย 3.ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ 4.ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ 5.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และ 6.ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว ก่อความเดือดร้อนรำคาญ

ส่วนมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทางตำรวจร่วมกับโรงพยาบาลวางแผนร่วมกัน ช่วงนี้ที่จะมีเทศกาลสำคัญก็จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำอยู่โรงพยาบาล และตรวจตราถี่ขึ้นใช้มาตรการที่เข้มข้นมากกว่าเดิม โดยจะออกเป็นแผนคำสั่งอย่างชัดเจนมอบให้กับทางโรงพยาบาลไว้ติดต่อประสานงานได้ตลอดเวลา

เหตุการณ์นี้ก็ถือว่าตำรวจมาเร็วหลังจากรับแจ้งเพียง 2 นาทีก็มาถึงทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงบานปลาย จึงอยากขอเตือนพี่น้องประชาชนหรือกลุ่มวัยรุ่นที่เมาแล้วคึกคะนองก่อเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จะต้องถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ธิดารัตน์ เศรษฐแสงศรี – เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน