ผ่าปมยิงถล่มบ้าน–ดญ.14ดับ 5คนร้ายรัวสนั่น‘เมืองคอน’ ทะเลาะพ่อเด็กเรื่องน้ำหวาน
คอลัมน์ – สดจากสนามข่าว
ผ่าปมยิงถล่มบ้าน – คนเราถ้าไม่สนิทสนมรู้ใจกัน ก็ไม่ควรหยอกล้อเล่นกันรุนแรง เพราะมันอาจจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต หรือถึงขั้นเสียชีวิตก็มีให้ได้รับรู้อยู่เนืองๆ
เช่นเหตุ 5 คนร้ายบุกยิงถล่มบ้านครอบครัวยี่สุ่นแซม เลขที่ 88/4 หมู่ 11 ต.ปากพูน อ.เมือง
จ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ด.ญ.ศศิประภา ยี่สุ่นแซม อายุ 14 ปี ที่นอนดูทีวีอยู่ในบ้าน ถูกลูกกระสุนที่ปลิวว่อน เจาะเข้าที่ศีรษะเสียชีวิต ขณะที่ ด.ช.ภัทรพงศ์ บุหงอ อายุ 4 ขวบ ที่อยู่บ้านข้างๆ ถูกลูกหลงบาดเจ็บไปด้วยอีกคน
เหตุการณ์เปิดเผยขึ้น เมื่อวันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.เทเวศน์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมือง และ พ.ต.ท.ธีรวุฒิ เทพเลื่อน รอง ผกก.สส.สภ.เมือง นำชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่บ้านเกิดเหตุยิงถล่มเพื่อเก็บหลักฐานของคนร้ายเพิ่มเติม ภายหลังด.ญ.ศศิประภา เหยื่อกระสุนเสียชีวิตเมื่อกลางดึก ซึ่งการตรวจสอบได้พบกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้คนร้ายบุกยิงถล่มบ้านครั้งนี้
ขณะที่นายวิชัย ยี่สุ่นแซม อายุ 39 ปี พ่อของ ด.ญ.ศศิประภา เปิดเผยเรื่องราวก่อนเกิดเหตุสยองว่า มีเรื่องทะเลาะกับนายอนุศักดิ์ แดงเดช อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ 4 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หนุ่มเพื่อนบ้าน เรื่องที่ไปนั่งดื่มน้ำหวานที่ร้านค้า แล้วนายอนุศักดิ์กลั่นแกล้งตนโดยหยิบแก้วน้ำหวานไปเทให้สุนัขกิน

ตนเห็นว่าแกล้งแรงเกินจึงด่าทอกลับไป ทำให้นายอนุศักดิ์ไม่พอใจ ก่อนจะมีปากเสียงทะเลาะกัน และตนได้เตะนายอนุศักดิ์ไป 1 ครั้ง นอกจากนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน และที่รู้จักกันมาก็มีการพูดหยอกล้อกันเป็นประจำ ไม่คิดว่าจะเป็นชนวนที่ร้ายแรงขนาดนี้
ตํารวจสอบสวนพยานพบว่าคนร้ายมาด้วยกัน 5 คน ใช้รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์อีก 1 คัน เข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน เกิดเหตุทั้ง 3 หลัง โดยได้กระจายกันใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่บ้านของนายวิชัย อย่างต่อเนื่อง ก่อนคนร้ายจะเดินออกมายิงบ้านและรถของญาติพี่น้องที่อยู่ในละแวกเดียวกัน แล้วขับรถหลบหนีไปทันทีท่ามกลางความตกใจของชาวบ้าน โดยคนร้ายทุกคนสวมเสื้อดำและสวมหมวก
พล.ต.ต.สนธิชัย เผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจพบนายอนุศักดิ์ แดงเดช อายุ 27 ปี ขณะกำลังเดินสะพายปืนลูกซองยาวอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เป็นอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืนไว้ก่อน ส่วนการสอบสวนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงบ้านผู้เสียหายหรือไม่นั้น เบื้องต้นนายอนุศักดิ์ยังให้การปฏิเสธไม่รู้เห็น แต่ตำรวจสามารถสืบจนรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว แต่ละคนล้วนมีประวัติอาชญากรติดตัวทั้งสิ้น

ขณะที่น.ส.พัชรา ยี่สุ่นแซม อาของ ด.ญ.ศศิประภา กล่าวว่า ญาติพี่น้องจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะด.ญ.ศศิประภา นั้น ไม่ได้รู้เรื่องถึงปัญหาใดๆ ถ้าเรียกร้องให้กลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุได้ ขอให้ลงโทษประหารชีวิต และทางครอบครัวญาติพี่น้องเสียใจเป็นอย่างมากที่น้องมาเสียชีวิตด้วยเหตุดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 11 พ.ย. ที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.นครศรีธรรมราช สอบปากคำผู้ต้องหา คดีร่วมกันพยายามฆ่า ด.ญ.ศศิประภา ซึ่งจับกุมตัวได้เพิ่ม
เป็น 2 คน ว่าผู้ต้องหาที่ตำรวจนำหลักฐานไปขอหมายศาลเพื่อออกจับจำนวน 5 คน จับกุมตัวได้แล้ว 2 คน คือนายอนุศักดิ์ แดงเดช หรือ “เท่” หรือ “แป๊ะเท่” อายุ 27 ปี และนายวัชระ วรรณมาศ อายุ 26 ปี ส่วนอีก 3 คนที่ยังหลบหนีการจับกุมคือ นายวัฒนา อนันทขาล อายุ 28 ปี
นายขุนพล เงินเลี่ยม อายุ 25 ปี และนายวิศณุ นาคคง อายุ 27 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามออกไล่ล่ามาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่เจอตัว โดยกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีอาวุธปืน ซึ่งก่อนจะไปก่อเหตุได้เสพยาเสพติดกันก่อน ส่วนสาเหตุนายอนุศักดิ์เจ็บแค้นที่ถูกนายวิชัยพ่อของเด็กดุด่าและเตะ 1 ที หลังมีปากเสียงกันเรื่องสุนัขกินน้ำหวาน จึงไปขอยืมปืนของนายวัฒนาเพื่อจะไปยิงบ้านนายวิชัย จึงอาสาและชักชวนเพื่อนได้ 5 คนไปก่อเหตุ จากเรื่องไม่เป็นเรื่องมาก่อเหตุกันได้เช่นนี้ ก่อนจับได้ 2 หลบหนีไป 3
ส่วนนายอนุศักดิ์หรือเท่ หรือแป๊ะเท่ ผู้ต้องหาที่เป็นต้นเรื่อง ยอมรับสารภาพจนหมดเปลือก ว่า เจตนาคือต้องการไปยิงบ้านนายวิชัย เพื่อข่มขู่ เพราะแค้นที่ถูกเตะเท่านั้น ไม่ได้หวังให้กระสุนปืนไปถูกใคร แต่พอไปถึง กลับคุมสถานการณ์ไม่ได้ ต่างคนต่างสาดกระสุนใส่ทั้งบ้านและรถยนต์ อะไรที่ขวางหน้ายิงหมด กระทั่งตนเองมาถูกจับกุมก่อนเพื่อน ส่วนนายวัชระเป็นคนชี้บ้านของนายวิชัย ให้ยิงถล่มกัน ถูกจับในวันถัดมา
ขณะที่วันที่ 12 พ.ย.ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายขุนพล ได้ที่กระท่อมกลางป่าเขาโพธิ์ ท้องที่หมู่ 9 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรี ธรรมราช พร้อมยาบ้าพันกว่าเม็ด
“เรื่องทั้งหมดลุกลามบานปลายไปขนาดนี้ ทำให้เสียใจมาก และอยากขอโทษกับทุกคน แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเป็นไปได้ขอตายแทนด.ญ.ศศิประภา และพร้อมแลกชีวิตให้เขามีชีวิตอยู่ต่อแล้วให้ผมตายแทน” นายอนุศักดิ์กล่าว
แม้มาสำนึกตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะชีวิตที่สูญเสียไปย่อมไม่มีวันเรียกกลับคืนได้
สุเชษฐ์ แรกรุ่น / นุชจรี แรกรุ่น – เรื่อง/ภาพ
อ่าน –