อุทาหรณ์ไฟเผาบ้านดารา คลอกพ่อแม่สาวหล่อติ๊นา ชี้เหตุอาคารเก่า-ผังเมืองเก่า

สดจากสนามข่าว

วิษณุ โชคบรรดาลสุข – เรื่อง/ภาพ

สุภาษิตไทยเปรียบเปรยเหตุไฟไหม้ไว้ว่า ร้ายแรงกว่าถูกโจรขึ้นบ้านนับ 10 ครั้ง แต่หากว่าเหตุไฟไหม้เกิดนำมาซึ่งความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปล่ะ เราจะเปรียบความร้ายแรงได้กับอะไร

เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 26 ก.ย. ร.ต.อ. ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุไฟไหม้ร้านเต้าหู้ดำเจ๊อั้ง ตั้งอยู่เลขที่ 50 ซอยราษฎรอุทิศ (ซอยจับกัง) ตลาดเทศบาลเมืองโพธาราม อ.โพธาราม

จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองโพธาราม และใกล้เคียง จำนวน 6 คัน รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างราชบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สภาพเก่า อายุกว่า 50 ปี เปิดเป็นร้านเต้าหู้ดำ ชื่อร้านเจ๊อั้ง ซึ่งมีชื่อเสียง เป็นของฝากประจำอำเภอโพธาราม และเป็นสินค้าโอท็อปประจำจังหวัดราชบุรีด้วย

แสงเพลิงโหมลุกไหม้บริเวณชั้น 2 อย่างรุนแรง เนื่องจากมีทั้งเสื้อผ้าและกล่องกระดาษจำนวนมากเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ใช้เวลาครู่หนึ่งรถดับเพลิงจึงเดินทางมาถึง ก่อนเร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกโชติช่วง พร้อมกันนั้นก็ต้องคอยฉีดน้ำป้องกันเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารข้างเคียง ซึ่งเป็นห้องแถวไม้ ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

ตรวจสอบภายในอาคารต้นเพลิงพบผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ชั้น 2 ของอาคาร คือ นายสมชัย จิตตลีลา อายุ 66 ปี และ นางปิยวรรณ จิตตลีลา อายุ 65 ปี สามีภรรยาและยังเป็นพ่อแม่ของ ติ๊นา หรือ น.ส.ศุภนาฏ จิตตลีลา ดาราสาวหล่อ จากภาพยนตร์รัก (ทอม-ดี้) วัยใส Yes or No อยากรัก ก็รักเลย, Yes or No 2 รักไม่รัก อย่ากั๊กเลย และอีกหลายผลงาน

ขณะที่ น.ส.สมใจ จิตตลีลา อายุ 74 ปี เจ้าของร้าน เล่าว่า ตนกำลังนอนหลับอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร แต่ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะได้ยินเสียงดังคล้ายของตกจากที่สูงพร้อมกับไฟฟ้าดับ จึงเดินสำรวจสาเหตุบริเวณชั้น 2 ก็พบกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้

“ตอนนั้นตกใจมาก ตะโกนเรียกให้น้องชายและน้องสะใภ้ที่กำลังหลับพักผ่อนอยู่ที่ชั้น 2 รีบหนีออกมาและแจ้งรถดับเพลิงมาช่วยเหลือ แต่ทว่าน้องชายและน้องสะใภ้ไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน จึงถูกไฟคลอกเสียชีวิตทั้งคู่” น.ส.สมใจกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดราชบุรีลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ โดยพบว่าต้นเพลิงอยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวอาคาร ที่นอกจากจะใช้เก็บสิ่งของแล้วยังแบ่งเป็นห้องนอนของผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด

ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากอาคารมีอายุมากกว่า 50 ปี ระบบสายไฟฟ้าเก่า ไม่สามารถรองรับการใช้ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่มากขึ้นได้ ทั้งนี้ ในส่วนของความเสียหายของอาคารพบว่าด้านบนที่ก่อสร้างด้านไม้ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด แต่ส่วนชั้นล่างที่เป็นปูนยังมีความแข็งแรงพอสามารถซ่อมแซมปรับปรุงให้กลับมาใช้งานต่อไปได้ ยังไม่ถึงขั้นต้องทุบทิ้งแต่อย่างใด

สําหรับศพของผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด ที่โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ และในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้จะประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดโพธาราม

ด้าน น.ส.ศุภนาฏ หรือติ๊นา บุตรสาวของผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความในแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Tina Jittaleela ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ พร้อมทั้งยังสัญญาว่าจะเข้มแข็งและเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ตลอดไป

พร้อมกันนี้ยังเชิญชวนร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพพ่อและแม่ ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลา 1 วัดโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.-1 ต.ค.เวลา 19.00 น. และพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 2 ต.ค.เวลา 16.00 น.

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้มานั่งทบทวนอุปสรรคที่ทำให้การดับเพลิงทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หลังพบว่า รถดับเพลิงไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือบ้านที่ประสบเหตุได้ อย่างสะดวก

หลังเกิดเหตุ นายสวัสดิ์ จังพานิช นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองโพธาราม พร้อมด้วยหน่วยงานทหาร ตำรวจ และหัวหน้าส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมหารือวางแผนป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

นายกเล็กโพธารามเผยว่า เขตเทศบาลเมืองโพธารามเป็นตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี แบบโครงสร้างผังเมืองจึงยังคงเป็นรุ่นเก่า คือมีถนนแคบ ตรอกซอกซอยจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อระบบการจราจรในยุคปัจจุบันที่มีทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์จำนวนมากขึ้น

ซึ่งจากการพูดคุยทางคณะที่ประชุมตกลงกันว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงมูลนิธิสว่างราชบุรี บริษัท ห้างร้าน และประชาชนชาวโพธาราม ในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 10.00 น. ณ ศาลาริมน้ำเทศบาลเมืองโพธาราม

ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ไม่ได้มีเฉพาะที่โพธารามเท่านั้น แต่ยังพบได้ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาไม่แตกต่างกัน หลายแห่งถูกไฟเผาวอดหมดเนื้อหมดตัวกันทั้งตลาดก็มีเป็นข่าวมาแล้ว แม้จะถูกมองว่าวัวหายแล้วล้อมคอกแต่ก็ดีกว่าไม่หาทางแก้ไข เพราะหากปล่อยไว้ไม่ทำอะไร อาจเกิดความสูญเสียกว่าครั้งนี้ก็เป็นได้