ปิดคดีมอมยา-รูดทรัพย์ เลือกเหยื่อสาวนักเที่ยว

2หนุ่มได้วิชาจากในคุก : คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ภายใต้แสงไฟสลัวและเสียงดนตรีที่เร้าใจของสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ไม่ได้มีแค่ความสนุกสนานบันเทิงเหมือนกับชื่อ แต่ส่วนหนึ่งยังมีเหล่ามิจฉาชีพที่แฝงตัวรอคอย สร้างความเดือดร้อนให้กับเหล่านักท่องราตรี โดยเฉพาะหญิงสาว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ต.สามารถ ศรีศิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.ทองเปลว หาญไพบูลย์ สว.สส.บก.น.5 พ.ต.ต.ธีร์ เกสทอง สว.กก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ทองหล่อ

สดจากสนามข่าว

สอบผู้เสียหาย

ร่วมกันแถลงจับกุม 2 คนร้ายแก๊งมอมยารูดทรัพย์หญิงสาว ประกอบด้วยนายวิชัย นฤมิตสิงขร อายุ 35 ปี และนายสมพร แสงสุวรรณ อายุ 35 ปี ทั้งคู่ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ โดยสามารถจับตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรัชดาภิเษก 17 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สามารถ เปิดเผยถึงต้นสายปลายเหตุของคดีนี้ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2562 มีผู้เสียหายเป็นผู้หญิง 2 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ ว่าถูกคนร้ายเป็นชายชาวจีนและชาวไทยเข้ามาตีสนิทในสถานบริการแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ พร้อมชวนไปดื่มต่อและเปิดห้องพักในซอยสุขุมวิท 22 เปิดห้องแยกกัน

สดจากสนามข่าว

2 หนุ่มแสบ

ขณะอยู่ในห้องคนร้ายนำเครื่องดื่มน้ำพรุนสกัดมาให้ดื่ม ก่อนจะหลับไปพอตื่นมาพบว่าทรัพย์สินมูลค่าเกือบ 1 แสนบาทสูญหายไปพร้อมกับชายทั้งสองคน จึงเข้าแจ้งความ ต่อมาวันที่ 25 ธันวาคม ก็มีหญิงไทยอีก 2 คนมาแจ้งความใน สน.ทองหล่อ ว่าถูกชาย 2 คนอ้างตัวเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน รู้จักกันในโรงเบียร์แห่งหนึ่งย่านพระราม 3 และชวนกันไปต่อที่ห้องพักของผู้เสียหายย่านพระราม 4 ก่อนถูกมอมยา โดยครั้งนี้ทรัพย์สินสูญหายไปมีมูลค่าถึง 150,000 บาท

หลังเกิดเหตุพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้กำชับให้สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้ายเป็นภัยต่อสังคม โดยเลือกลงมือก่อเหตุกับผู้หญิงและใช้วิธีการมอมยาเพื่อจะลงมือได้โดยง่าย จึงสั่งการให้ กก.สส.บก.น.5 เข้าร่วมคลี่คลายคดี ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูล จนกระทั่งสามารถระบุตัวคนร้ายจนทราบว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ

สดจากสนามข่าว

ชี้ที่เกิดเหตุ

ต่อมาตำรวจสืบทราบว่าทั้งสองไปกบดานที่โรงแรมย่านรัชดาภิเษก จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพก่อเหตุมาแล้ว 5-6 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมาเลือกลงมือในสถานบริการย่านทองหล่อ พระโขนง คลองตัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและบุรีรัมย์ โดยจะใช้รูปแบบเหมือนกันคือ

นายวิชัยจะอ้างตัวเป็นคนจีนจากไต้หวัน ฮ่องกง แผ่นดินใหญ่เพราะมีความสามารถพูดอังกฤษได้เนื่องจากเคยทำงานเป็นไกด์ ส่วนนายสมพรเป็นเพื่อนกันเคยทำหน้าที่เชียร์แขกต่างชาติเที่ยวผู้หญิง โดยสมพรจะอ้างตัวเป็นผู้ติดตามนายวิชัยและจะเข้าตีสนิทสาวๆ จะเลือกเหยื่อที่มาเที่ยวตามสถานบันเทิงแต่งกายดูมีฐานะ ใส่เครื่องประดับมีค่า เมื่อเจอเหยื่อแล้วจะชวนไปดื่มกินต่อหรือชวนเข้าโรงแรม แล้วจะให้ดื่มน้ำพรุนสกัดที่แอบผสมยานอนหลับไว้ เพราะเหยื่อจะไม่รู้ตัวเนื่องจากสีของยากับน้ำจะสีเดียวกันและดับกลิ่นยา โดยยานอนหลับนั้น ผู้ต้องหาซื้อจากร้านขายยาย่านสาธุประดิษฐ์ ซึ่งรู้กันในหมู่นักเที่ยวว่าขายยาประเภทดังกล่าวเป็นแผง แผงละ 200 บาท เมื่อผู้เสียหายเคลิ้มหลับก็จะลักทรัพย์สินไปขายและหาเงินเที่ยวเตร่

สดจากสนามข่าว

พาชี้ห้อง

สองหนุ่มแสบสารภาพชนิดหมดเปลือกว่าไปได้รับการถ่ายทอดวิชาจากรุ่นพี่ที่ติดคุกอยู่ในปัจจุบัน เมื่อตอนที่ถูกจับเมื่อ 10 กว่าปีแล้ว พอออกมาจากคุกก็รวมพรรคพวกเป็นแก๊งประมาณ 4-5 คนออกตระเวนก่อเหตุเรื่อยมา แต่ตอนนี้คนอื่นติดคุกกันหมดแล้ว จึงมาทำกันเอง 2 คน โดยจะก่อเหตุทุก 3-4 วัน และบางครั้งก็จะมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อด้วย เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งคู่น่าจะก่อเหตุอีกหลายคดี จึงขอประชาสัมพันธ์ว่าหากมีผู้เสียหายรายใดเคยถูกก่อเหตุลักษณะดังกล่าวให้เดินทางมาแจ้งความเพิ่มได้ที่สน.ทองหล่อเพื่อจะได้แจ้งความผิดเพิ่มตามกฎหมาย

ทั้งนี้ขณะแถลงข่าวมีหญิงสาวผู้เสียหาย 3 รายเดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาที่สน.ทางตำรวจ แต่เมื่อตำรวจพาไปชี้ตัวผู้ต้องหา หนึ่งในผู้เสียหายตบผู้ต้องหาไป 2 ครั้งด้วยความโมโห พร้อมบอกว่าตัวแสบ ทางตำรวจรีบกันตัวออกไป

สดจากสนามข่าว

พาชี้ห้อง

ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ระบุอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติหนึ่งในผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษคดีปล้นทรัพย์ได้ไม่นานก่อนมาก่อเหตุซ้ำ จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายที่เคยถูกกระทำลักษณะนี้ขอให้เข้าแจ้ง ความในพื้นที่เกิดเหตุ และฝากเตือนภัยผู้หญิงที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง หากพบบุคคลไม่รู้จักชักชวนให้ไปไหนต่ออย่าหลงเชื่อ เนื่องจากปัจจุบันมีการหลอกลวงหลายรูปแบบ

โดย อดิษัยต์ พรวนพิมพ์/สราวุฒิ ศรีเพ็รชสัย/เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน