คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
อดิศร จิตตเสวี
พิรยุทธ นิ่มนนท์
สมศักดิ์ ชฎารัตน์
เรื่อง/ภาพ
“ผมเคยต้องโทษมาเลยไม่อยากยุ่งกับใคร ผมอยู่ของผมปกติ แต่เขาด่าบุพการี ผมทนไม่ไหวแล้วก็อย่างที่เห็น” คำสารภาพของ นายทีปกร หรือ เหว่า พัฒนา อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.553/2560 ลงวันที่ 19 พ.ค.60 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีหตุอันควรหรือความจำเป็นเร่งด่วน
ย้อนไปเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 พ.ค. พ.ต.ท.เสถียร วิชญ์ธนมาลา รองผกก. (สอบสวน) สน.พระโขนง รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ด้านหน้าอาคารชุดนิรันดร์คอนโดมิเนียม ตึกเอส ซอยสุขุมวิท 93 หรือซอยพึ่งมี 52 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.ท.ณัฏฐ์ พิพัฒน์สวัสดิ์ รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง แพทย์นิติเวช ร.พ.จุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 10 ชั้น บริเวณพื้นปูนหน้าอาคารพบศพนายวินัย หรือต่าย อยู่ชัย อายุ 39 ปี ไม่ได้มีอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง สวมเสื้อกีฬาสีดำ กางเกงยีนส์ขาสั้นสามส่วน รองเท้าแตะสีดำ มีบาดแผลถูกอาวุธปืนขนาด .38 ยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุท้ายทอยซ้าย ชายโครงซ้าย ท่อนแขนขวาทะลุชายโครงรวม 3 นัด สภาพศพนอนตะแคงซ้ายเสียชีวิตจมกองเลือด
เมื่อขึ้นไปชั้นที่ 1 พบศพนายสมนึก หรือเจี๊ยบ ทองสม อายุ 36 ปี อาชีพค้าขายกาแฟอยู่หน้าวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม พักอยู่ห้องพักเลขที่ 412/3 อาคารนิรันดร์คอนโดฯ ตึกเอ็ม สวมเสื้อเชิ้ตเขียวขี้ม้า กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว มีบาดแผลถูกอาวุธปืนขนาดเดียวกันยิงเข้าที่ท้ายทอยและหน้าท้อง รวม 2 นัด สภาพศพนอนตะแคงซ้ายจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ใต้โต๊ะพับทางเข้าอาคารดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นหญิงอีก 1 คน มีผู้นำส่ง ร.พ.สิรินธร ไปก่อนหน้านี้
จากการสอบสวนนางอนงค์ คำพร อายุ 58 ปี มารดานายสมนึกผู้เสียชีวิต ให้การว่านายสมนึกมีอาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 93 และเปิดร้านขายกาแฟสด โดยปกตินายสมนึกเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีปัญหากับใครและตนรู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดเลยว่าลูกชายจะมาจบชีวิตแบบนี้
ตำรวจสอบพยานจนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายกุลทัศน์ พัฒนา หรือเหว่า อายุ 46 ปี ซึ่งพักอยู่บนชั้นที่ 3 ของอาคารคอนโดฯ ที่เกิดเหตุนั่นเอง โดยนายสมนึก เคยมีปัญหากับคนร้ายมานานประมาณ 1 ปี
ส่วนสาเหตุเกิดจากขัดแย้งเรื่องเงิน โดยเดิมทีผู้ตายทั้งสองมีอาชีพปล่อยเงินกู้ แต่ปัจจุบันเลิกแล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารกวดขัน ก่อนเกิดเหตุขณะทั้งคู่กำลังนั่งกินน้ำกันอยู่ใต้ตึก นายเหว่าเดินเข้ามาก่อนจะมีปากเสียงกัน จากนั้นนายเหว่าชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงจนทั้งคู่เสียชีวิตแล้วหลบหนีไป โดยกระสุนยังไปถูกผู้หญิงคนหนึ่งบาดเจ็บไปด้วย
ตร.ตามไล่ล่ากดดันอย่างหนัก ในที่สุดก็สำเร็จ โดยวันที่ 25 พ.ค. ที่ห้องประชุม ศปก.บก.สปพ.ถนนศรีอยุธยา แขวงพญาไท เขตพญาไท กทม. พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รองผบช.น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผบก.สปพ. พ.ต.อ. ธีรศักดิ์ ภิญโญ ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมกันแถลงจับกุมนายทีปกร หลังเจ้าตัวทนแรงกดดันไม่ไหวจึงติดต่อขอเข้ามอบตัว
พล.ต.ต.อำพลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.5 ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาคือนายทีปกร หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและ ขอหมายจับจากศาลจังหวัดพระโขนง พร้อมนำกำลังติดตามกดดันจนเจ้าตัวต้องติดต่อเข้ามอบตัวกับพ.ต.อ.สำราญ ที่บริเวณริมถนนสามร้อยยอด ซอย 3 ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากการสอบสวนนายทีปกรให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนพักอยู่ในห้องพัก ได้ยินเสียงนายสมนึก และนายวินัย นั่งคุยกันอยู่ชั้นล่าง ทั้ง 2 คน พูดจาด่าทอพ่อแม่และท้าทายตน แต่ตนไม่อยากมีเรื่องจึงได้บอกให้ผู้อื่นไปไล่ให้กลับไป แต่ทั้งคู่ไม่ยอมกลับและยังด่าท่อพ่อแม่ตนอีก ทำให้ตนโกรธจึงได้เดินลงมาใช้อาวุธปืนยิงนายสมนึกไป 3 นัด และยิงนายวินัย 2 นัด ก่อนหลบหนีไป แต่ก็ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก ประกอบกับตนมีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน และรู้สึกสำนึกผิดจึงได้ติดต่อขอมอบตัว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายทีปกร มีหมายจับของศาลจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ ที่ จ.319/2557 ลงวันที่ 7 พ.ย.57 ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส อยู่ในระหว่างหลบหนี แล้วยังมาก่อเหตุยิงผู้อื่นเสียชีวิตอีก หลังจากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน. พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป
เมื่อเลือกใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ก็ต้องพร้อมรับผลแห่งการกระทำของตนด้วย
