ระรินทร เพ็ชรเจริญ – เรื่อง/ภาพ

ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เมื่อย้อนกลับไปดูข่าวเกี่ยวกับคดีปล้นธนาคาร พบว่าเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้ง เฉลี่ยแล้วแทบจะเดือนละครั้งก็ว่าได้ เริ่มจากวันที่ 22 ม.ค. คนร้ายบุกเดี่ยวปล้นเงิน 2.3 แสน ธนาคารกรุงไทย ย่านบางขุนเทียน วันที่ 26 ก.พ. โจรควงปืนปล้นธนาคารกรุงไทย ที่ภูเก็ต กวาดเงินสดไปครึ่งล้าน

วันที่ 22 เม.ย. คนร้ายลุยเดี่ยวชิงกล่องใส่เงินตู้เอทีเอ็มหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 4 ย่านประเวศ กรุงเทพฯ วันที่ 22 พ.ค. บุกเดี่ยวปืนจี้ชิงเงิน 4 แสน ธนาคารกรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้ โลตัส เขตเทศบาลนครอุดรธานี
3
วันที่ 7 มิ.ย. คนร้ายควงปืน ประทัด ปล้นเงินกว่าแสนบาทไปจากธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัส ลำปา วันที่ 11 ส.ค. โจรบุกเดี่ยวชิงทรัพย์เงินสด 4.3 แสน ของธนาคารธนชาต สาขาซีดีซี เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา กรุงเทพฯ และล่าสุดวันที่ 29 ก.ย. เหตุเกิดที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

แม้ทุกคดีตำรวจจะโชว์ผลงานตามจับคนร้ายได้ทั้งหมด

แต่ไม่รู้ว่าจะโทษพิษเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด หรือเป็นเพราะการใช้จ่ายเกินตัวจนเกิดหนี้สินล้นพ้น จึงยังไม่หมดคนที่คิดจะหาเงินทางลัดด้วยการปล้นธนาคาร

ล่าสุด เพียงผ่านเข้าต้นเดือนที่ 10 ของปี 2559 ก็เกิดเหตุบุกเดี่ยวปล้นแบงก์อีกจนได้ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. พ.ต.ท.อุทัย วงศ์คำแสน รองผกก.สืบสวน สภ.เมืองน่าน รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้เอาเงินสดภายในธนาคารออมสิน สาขาห้างนราไฮเปอร์มาร์ท ต.ในเวียง เขตเทศบาลเมืองน่าน ก่อนวิ่งขึ้นจยย.ที่จอดไว้หลบหนีไป

แต่มีพลเมืองดีช่วยกันจับกุมคนร้ายไว้ได้

เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณห้างใจกลางเมือง ที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ด้านหลังห้าง พบพลเมืองดีควบคุมตัวนายนฤทธิ์ อมาตศักดิ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 4 ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่าน
2
พร้อมด้วยของกลางถุงใส่เงินสด 298,500 บาท และรถจักรยานยนต์ฟีโน่ที่ใช้ก่อเหตุ หมายเลขทะเบียน วจต 657 กรุงเทพมหานคร ซึ่งคนร้ายใช้สติ๊กเกอร์ปิดรอบคันและแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงปืนพกไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 กระบอก

นายนพดล อินต๊ะมา และนายอัครเดช เสี้ยนเสริม พลเมืองดีที่ช่วยสกัดจับคนร้าย เล่าถึงเหตุระทึกให้ฟังว่า เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีคนถือไม้วิ่งไล่ตาม ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นคนทะเลาะวิวาทกัน

แต่เมื่อได้ยินคนที่วิ่งไล่กวดมาตะโกนบอกว่าเป็นการจี้เงิน จึงช่วยกันหาจังหวะถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลง คนร้ายยกปืนขึ้นข่มขู่ไม่ให้เข้าจับตัว แต่ก็มีพลเมืองดีหลายคนช่วยกันหาจังหวะจับตัว ซึ่งคนร้ายที่มีเพียงลำพัง สุดท้ายก็สามารถรุมจับตัวไว้ได้

สอบสวนนายนฤทธิ์รับสารภาพว่า ทำงานเป็นผู้จัดการสาขาเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อดัง ที่ตั้งอยู่แยกสวนตาล เขตเทศบาลเมืองน่าน

แต่มีปัญหาด้านหนี้สินที่เกิดจากการทำธุรกิจกว่า 3 ล้านบาท ทำให้เกิดความเครียดเพราะหาทางออกไม่ได้ จึงตัดสินใจลงมือปล้นธนาคารโดยทำเพียงลำพังเท่านั้น

ใช้เวลาวางแผนและดูลาดเลาในธนาคารอยู่นาน 3 วัน กระทั่งสบโอกาสลงมือ อาศัยช่วงจังหวะคนน้อยบุกเข้าไปในธนาคาร ชักปืนที่พกมาบังคับให้พนักงานที่เคาน์เตอร์นำเงินใส่ถุง

ก่อนวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดรอไว้ที่ลานวัดท่าช้าง เขตเทศบาลเมืองน่าน ขี่หลบหนี โดยมีรปภ.ของธนาคารและพลเมืองดีวิ่งไล่ตามมาติดๆ พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือตลอดทาง จึงชักปืนออกมาข่มขู่หวังเปิดทางหลบหนี

แต่สุดท้ายก็ถูกชาวบ้านที่อยู่ด้านหน้ากระโดดถีบจนรถคว่ำจนโดนรุมล็อกตัวไว้ในที่สุด

เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่านดำเนินคดี พร้อมเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆ ทั้งของห้างสรรพสินค้าและธนาคารที่เกิดเหตุ

เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานส่งฟ้องต่อศาลสถิตยุติธรรม ให้พิพากษาโทษผู้จัดการหนุ่มหน้าที่การงานดี แต่คิดสั้นหวังรวยทางลัดต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้

นับเป็นอีกผลงานจากความร่วมมือกันของพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่จะไม่ยอมให้อาชญากรรายใดหนีลอยนวลไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน