ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ
เรื่อง/ภาพ
หญิงสาวเดินทางเพียงลำพัง แม้นอยู่ในช่วงเวลากลางวัน ก็ควรเลือกใช้เส้นทางที่ไม่เปลี่ยว เพราะโจรผู้ร้ายสมัยนี้มันไม่สนแล้วว่าเป็นกลางวัน กลางคืน หากสบโอกาสล่ะก็ เป็นลงมือก่อเหตุทันที
เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ น.ส.สุกัญญา รักษาสัตย์ หรือ ครูนิด อายุ 25 ปี เป็นครูธุรการประจำโรงเรียนบ้านกุดน้อย ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ระทึกที่เจ้าตัวต้องจดจำไปจนตาย
เหตุการณ์เปิดเผยขึ้นเมื่อ พ.ต.ต.กิตติพจ ชำนาญเท สารวัตร (สอบสวน) สภ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้มีดแทงหญิงสาวบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่บริเวณถนนสายบ้านกุดน้อย-ดอนมะนาว ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.สุกัญญา นั่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่กลางหลังถึง 3 แผล เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสีคิ้ว เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีเลือดออกมากบริเวณชายโครง จึงนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
จากการสอบสวนน.ส.สุกัญญาที่ยังพอให้การได้อย่างกระท่อนกระแท่น ประมวลเหตุการณ์ได้ว่า ขี่รถจยย.ออกจากโรงเรียนไปติดต่อราชการที่ ร.ร.พรพิทยาคม ที่อยู่ห่างไป 2 ก.ม. โดยเจ้าตัวเลือกใช้เส้นทางถนนสายบ้านกุดน้อย-ดอนมะนาว ซึ่งเป็นทางที่ใกล้ที่สุด แต่ก็เปลี่ยวพอสมควรแต่ด้วยเป็นเวลากลางวันจึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร
พอขี่รถจยย.มาได้ครึ่งทางก็เห็นมีรถจยย.ขี่ตามมา แต่เข้าใจว่าเป็นชาวบ้านจึงไม่ได้เอะใจ รถคันดังกล่าวขี่มาประกบ ชายคนขี่ก็ใช้อาวุธมีดออกมาข่มขู่สั่งให้หยุดรถ เมื่อตนหันไปเห็นมีดจึงหยุดรถ จากนั้นคนร้ายถามหาทรัพย์สิน แต่ตนบอกว่าไม่มี คนร้ายจึงบังคับให้ตนขึ้นรถโดยให้นั่งด้านหน้า และ ขับเข้าป่าข้างทาง
ตนเกรงว่าจะถูกทำมิดีมิร้ายจึงตัดสินใจเหยียบเบรกจนรถจยย.ล้ม คนร้ายพยายามฉุดกระชากตนเข้าข้างทางจนเกิดการต่อสู้กัน สุดท้ายคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้าย 3 ครั้ง ระหว่างต่อสู้ตนดึงหมวกกันน็อกของคนร้ายออกและร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ จนมีชาวบ้านที่กำลังตัดฟืนเผาถ่านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเดินออกมาดู คนร้ายจึงขี่รถหลบหนีไป โดยได้เพียงกระเป๋าซึ่งมีโทรศัพท์มือถือซัมซุงไป 1 เครื่อง
ครูนิดให้ข้อมูลลักษณะของคนร้ายว่า เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสูง ที่สังเกตได้คือที่คอด้านขวา มีรอยสักเป็นรูปสัญลักษณ์สีดำและสีแดง
ภายหลังเกิดเหตุพล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา สั่งการให้พ.ต.อ.สันติ เหล่าประทาย รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เข้าควบคุมคดีนี้ด้วยตนเอง พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณตั้งแต่หน้าโรงเรียนไล่ไปจนถึงที่เกิดเหตุมาเร่งตรวจสอบหาตัวคนร้าย เนื่องจากคาดว่าคนร้ายติดตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ออกจาก ร.ร.บ้านกุดน้อย จนสบโอกาสจึงลงมือ
ไม่นานก็ได้ภาพชายต้องสงสัย เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี สูง 170-180 เซนติเมตร ตัดผมสั้น ผิวสีดำแดง สวมเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวสีดำ ขี่รถจยย.มาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าโรงเรียน
ชุดสืบสวนนำรูปชายต้องสงสัยไปให้ครูนิดดู ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ารถจยย.ที่ผู้ต้องสงสัยใช้ มีลักษณะใกล้เคียงกับของคนร้าย และลักษณะรูปร่างก็ใกล้เคียงกัน โดยคาดว่ายังเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.สูงเนิน และอ.สีคิ้ว ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดกัน
ภายหลังถูกกดดันหนัก ในที่สุดเมื่อค่ำวันที่ 1 ต.ค. นายวันเฉลิม ไก่กลาง อายุ 37 ปี อยู่หมู่ 5 ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ก็ให้ญาติติดต่อพาเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายวันเฉลิมก็เป็นคนเดียวกันกับชายต้องสงสัยในภาพที่กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าโรงเรียนกุดหัวช้างนั่นเอง
นายวันเฉลิมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เป็นคนที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริงเพื่อหวังข่มขืน และชิงทรัพย์ครูสาว แต่ขณะลงมือก่อเหตุครูสาวได้ต่อสู้ขัดขืนจึงใช้อาวุธมีดแทงจนได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป
หนุ่มหื่นให้การว่าเป็นชาวอ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา มาทำงานเป็นลูกจ้างภายในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกันกับจุดเกิดเหตุ โดยยังยอมรับอีกว่าเคยก่อคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้เคยก่อคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา และติดคุกอยู่ 7 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากนั้นก็ออกมาก่อคดีจี้ชิงทรัพย์ในพื้นที่ อ.สูงเนิน ก่อนจะมาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์หวังข่มขืนครูสาวในครั้งล่าสุด
ต่อมา ตำรวจ สภ.สูงเนิน อายัดตัวนายวันเฉลิมมาสอบปากคำในคดีชิงทรัพย์ พยายามข่มขืน และข่มขืน อีก 4 คดี ที่เกิดขึ้นในห้วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะคดีข่มขืนสาวนักเรียน ม.4 อายุ 16 ปี คดีข่มขืนสาวโรงงาน อายุ 25 ปี และคดีพยายามข่มขืนสาวแม่ค้าอายุ 50 ปี ซึ่งเจ้าตัวก่อคดีขึ้นต่อเนื่องกัน จนมาถึงคดีนี้เป็นคดีที่ 5
งานนี้ตร.ค้านประกันตัว ด้วยเกรงว่าจะหลบหนี หลังคดีที่ก่อไว้ปูดขึ้นมาเป็นหางว่าว
