ก้องเกียรติ พุทธิรังสิมาภรณ์
เรื่อง/ภาพ
กระบวนการยุติธรรมไม่ได้จบแค่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เท่านั้น หากแต่ยังมีกระบวนการดำเนินคดีในชั้น ศาล ที่ต้องอาศัยพยานหลักฐานแสดงให้ศาลเห็นว่าผู้นั้นกระทำความผิดจริง จะอาศัยแต่ คำสารภาพของผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียวย่อม จะไม่พอ
นายตำรวจนักสืบมือฉกาจในยุคนี้ต่างอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย ที่ง่ายที่สุดหนี ไม่พ้นกล้องวงจรปิด เพราะเพียงภาพเดียว ก็มีน้ำหนักมากกว่าคำให้การของพยานเสียอีก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังจากเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาตลาดคลอง 16 ต.ดอน ฉิมพลี อ.บางน้ำ เปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กวาดเงินสด 784,780 บาทหลบหนีไปอย่างลอยนวล ตำรวจชุดสืบสวนก็ระดมไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดกันจนตาแฉะ จนสุดท้ายก็ได้เบาะแสสำคัญ
บ่ายวันที่ 29 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉิมพลี จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งว่ามีชายก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์เงินสดภายในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดคลอง 16 จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา
ที่เกิดเหตุพบพนักงานธนาคารอยู่ใน อาการตื่นตกใจ พร้อมให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย รูปร่างผอม สูงประมาณ 170-180 เซนติเมตร สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใส่เสื้อแจ๊กเกตสีกรมท่า กางเกงยีนส์ขายาว และใส่ถุงมือสีดำ
คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ศีรษะพนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคาร ก่อนเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน และใช้ปืนจี้บังคับให้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ส่งเงินสดในลิ้นชักมาให้ ก่อนจะวิ่งออกไปขึ้นรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดรอไว้ด้านข้างธนาคารหลบหนีไป
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า คนร้ายขี่รถ จยย.มาจอด แล้วสั่งซื้อน้ำแดง 1 แก้ว ที่ร้านขายน้ำใกล้ธนาคาร แล้วบอกว่าเดี๋ยวกลับมาเอา ก่อนจะเดินทางไปที่ธนาคาร ผ่านไปไม่เกิน 5 นาที คนร้ายรีบวิ่งกลับมาขึ้นรถ จยย.ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
จากพฤติกรรมลงมือสื่อมวลชนจึงให้ฉายาโจรรายนี้ว่า “โจรน้ำแดง”
ภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.ธีรพล สั่งตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดฉะเชิงเทราและ สภ.ฉิมพลี เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี รวมทั้งไล่หาภาพวงจรปิดจากบ้านเรือน ร้านค้าบริเวณใกล้เคียงธนาคาร โดยให้ดูภาพย้อนหลังกลับไปวันก่อนหน้าด้วย เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเคยมาดูลาดเลาไว้ก่อน
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ ตร.ก็พิชิตคดีได้ โดยวันที่ 6 ต.ค. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสุวิทย์ คำดี ผวจ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 ร่วมกันแถลงจับกุม นายร่มโพธิ์ แสวงหา หรือ โพธิ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ 1 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
พร้อมของกลางเงินสด 100,124 บาท อาวุธปืนปลอมและรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน 5 กย 7694 กรุงเทพฯ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และเสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ร่วมกับชุดสืบสวนภาค 2 แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด จนได้ภาพคนร้ายขี่รถ จยย.ผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่งด้านหลังธนาคาร ทาง เจ้าหน้าที่ติดตามหาข่าวภายในพื้นที่ จนทราบว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เคยทำงานอยู่ในพื้นที่ตลาดคลอง 16
เมื่อตามไปตรวจสอบกับสถานประกอบการที่คนร้ายเคยทำงานอยู่ ก็ได้รับการยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้คือนายร่มโพธิ์ เป็นชาว อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
หลังได้ข้อมูล พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 จึงสั่งการให้ทีมสืบสวนภาค 2 ประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรฉิมพลี สืบสวนจังหวัดฉะเชิงเทรา สถานีตำรวจภูธรองครักษ์ จังหวัดนครนายก และสถานีตำรวจภูธรหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขอหมายศาลเพื่อดำเนินการจับกุม
ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบยังบ้านของนายร่มโพธิ์ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงติดตามหาตัวคนร้ายผ่านโทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องหาใช้ จนรู้ตำแหน่งว่าอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้
ขณะที่นายร่มโพธิ์รับสารภาพว่า ต้องการนำเงินไปใช้หนี้พนันฟุตบอล และใกล้ครบวันที่ต้องชำระเงินให้กับเจ้ามือแล้ว จึงตัดสินใจนำปืนปลอมมาใช้ก่อเหตุ หลังจากได้เงินมาแล้วก็นำไปซื้อสร้อยคอทองคำมาใส่ 1 เส้น ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานในย่านตลาดคลอง 16 ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงทำให้รู้เส้นทางการหลบหนีได้เป็นอย่างดี
“ก่อนลงก่อเหตุผมขี่รถ จยย.วนเวียนดูลาดเลามาแล้ว 2 รอบ แต่ตอนนั้นยังไม่กล้า สุดท้ายไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้อย่างไรก็เลยตัดสินใจก่อเหตุ” นายร่มโพธิ์กล่าว
ตำรวจตรวจสอบประวัตินายร่มโพธิ์พบเคยถูกจับคดีชิงทรัพย์เมื่อปี”48 ติดคุก 6 ปี พ้นโทษออกมาประกอบอาชีพขับแท็กซี่ แต่ก็มา เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำทำผู้โดยสารเจ็บสาหัสเลยติดคุกอีก 8 เดือน สุดท้ายผีพนันเข้าสิงจนเป็นหนี้สินท่วมตัว ต้องระเห็จกลับเข้าคุก อีกรอบจนได้
