คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดี4โจ๋บุรีรัมย์ดุ – หัวใจของ น.ส.กาญจนา ภูวนผา อายุ 40 ปี แทบสลายเมื่อรู้ข่าวของ นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือ แบงค์ อายุ 23 ปี ลูกชายที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ทำร้ายจนกะโหลกศีรษะร้าว และอาจต้องหมดอนาคตกับอาชีพที่ตัวเองรัก

สภาพเหยื่อโจ๋ดุ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2563 มีผู้ใช้ เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า “รบกวน ทุกคนช่วยแชร์ด้วยค่ะ ช่วยกันตามหาคนร้ายมารับโทษให้ได้ ..ลูกแม่กลับมาจาก กทม. เพื่อมาเยี่ยมญาติ และได้มาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย กลับโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ ร.พ.บุรีรัมย์ อาการกะโหลกศีรษะร้าวเพราะโดนรุมตีแต่ที่หัว …น้องแบงค์เป็นเด็กกิจกรรมที่ไม่เคยเกเรมาก่อน…กรุณาช่วยตามหาตัวด้วยค่ะ อย่าปล่อยให้เด็กเลวพวกนี้ไปทำกับลูกหลานใครแบบนี้อีก ขอให้น้องแบงค์เป็นคนสุดท้ายที่ต้องมาเจอรุมตีโดยไม่รู้จักกัน มาก่อน ขอบคุณนะคะ” พร้อมโพสต์ภาพ ขณะน้องแบงค์นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในสภาพเบ้าตาบวมเป่ง เขียวช้ำ มีร่องรอยแผล ตามใบหน้า

สอบ-แจ้งข้อหา

จากการสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายชื่อนายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือแบงค์ อายุ 23 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยหอการค้า และรับงานอีเวนต์เป็นนักเต้นของศิลปินชื่อดังหลายคน ทั้งยังเคยเป็นตัวแทนนักกีฬาของประเทศไทย ไปแข่งเต้นในหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อปี 2561 ได้คว้ารางวัลเหรียญเงินรองแชมป์โลกประเภทนักเต้น Hip Hop Doubles ที่ประเทศโปแลนด์

ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางกลับมาเยี่ยมญาติที่อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ได้ไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอ.ละหานทราย กับญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่กลับถูกกลุ่มวัยรุ่นหลายคนที่ไปนั่งดื่มกินในร้านดังกล่าว รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศีรษะร้าว ซึ่งขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.บุรีรัมย์

โพสต์ขอความเป็นธรรม

ส่วนนายนัฐวุฒิ ฉลองกลาง อายุ 34 ปี ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ระหว่างดื่มกินในร้านนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร แต่มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งดื่มกินอยู่ อีกโต๊ะ ซึ่งตนและนายนพรัตน์ก็ไม่ได้รู้จัก โดยก่อนเกิดเหตุช่วงที่ตนลุกจากโต๊ะเดินไปเข้าห้องน้ำ วัยรุ่นในกลุ่มดังกล่าวถามตนว่า “ไปไหนครับ” ก็คิดว่าเป็นคนมาเที่ยวทักทายกันตามปกติ

ตนจึงตอบกลับว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อตนเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นชาย 4 คน กำลังรุมทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์อยู่ ทั้งเตะต่อย กระทืบ ขวดตี และใช้เก้าอี้ฟาดซ้ำ ทั้งตนและพนักงานในร้านพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มาด้วยกันขวางเอาไว้และขู่ห้ามช่วย เมื่อนายนพรัตน์สลบ กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุก็พากันหลบหนีไป

นายนพรัตน์ บุญรัตน์
อาการดีขึ้น

ขณะที่ในส่วนของคดีหลังรับแจ้งความ ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ละหานทราย ก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบพร้อมประสานชุดสืบสวนออกติดตามหาตัวคนร้ายโดยอาศัยภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านเป็นหลักฐาน กระทั่งรู้ตัวคนร้ายทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายวรพล กงค์ประโคน หรือ มอส อายุ 23 ปี, นายวิกรม กงค์ประโคน หรือ กล้า อายุ 22 ปี ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน, นายอนุชา ทองโปรด หรือ ตาล อายุ 20 ปี และ นายสนธยา กงทอง หรือ โจ อายุ 22 ปี ก่อนรวบรวม หลักฐานขออนุมัติหมายจับ

4 โจ๋มอบตัว

พอถูกกดดันหนักเข้าทั้ง 4 คนก็ให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวในช่วงค่ำของวันที่ 29 ธ.ค. โดยหลังก่อเหตุ นายวรพล, นายวิกรม และนายสนธยา ได้หลบหนีไปที่ อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี เนื่องจากมีพ่อและพี่ชายทำงานอยู่ที่ อ.บ่อวิน ส่วนนายอนุชาหลบหนีอยู่ในพื้นที่ แต่หลังจากถูกออกหมายจับและ เจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก ทางญาติของ ผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อพาเข้ามอบตัว

จากการสอบสวนทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายนพรัตน์จริง โดยวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดของนายวิกรม จึงชวนกันไปดื่มกินและเป่าเค้กวันเกิดที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยนายวิกรม อ้างว่า ที่ก่อเหตุทำร้ายนายนพรัตน์ เพราะไม่พอใจที่เห็นนายนพรัตน์ทำสัญลักษณ์ยกแขนไขว้กันคล้ายกากบาทเหมือนเป็นการดูถูก ขณะที่ตนกำลังจะเป่าเค้กวันเกิด

จากนั้น นายวิกรมได้รอจังหวะช่วงที่พี่ชายนายนพรัตน์เข้าห้องน้ำ จึงเข้าไปรุมชกต่อยนายนพรัตน์ หลังจากนั้นนายวรพลก็ยกเก้าอี้ไปฟาดซ้ำ ก่อนที่นายสนธยาและนายอนุชาจะเข้าไปช่วยรุมตีตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด จนนายนพรัตน์ฟุบกับพื้น จึงพากันเดินออกจากร้าน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งทราบว่ามีหมายจับทางญาติจึงได้พาเข้ามอบตัว

นอกจากนี้ นายวิกรมซึ่งเป็นคนเริ่มต้นเข้าไปชกต่อย ก็ได้ขอโทษผู้บาดเจ็บผ่านสื่อด้วย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ทั้ง 4 คน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส” พร้อมประสานโรงพยาบาลมาตรวจหาเชื้อโควิด ผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากผู้ต้องหา 3 คน เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ก่อนจะทำเรื่องส่งฝากขังศาลต่อไป

แค่ไม่พอใจนิดๆ หน่อยๆ ก็ใช้กำลัง สุดท้ายเลยต้องเข้าไปฉลองปีใหม่ต่อในคุก

 

สุรชัย พิรักษา

เรืองรุจ วังแจ่ม

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน