เกาะติดตร.ลุยแอพฯเงินกู้ หักดอกเหยื่อล่วงหน้า 45% อีกแก๊งคิดร้อยละ 10 ต่อวัน : สดจากสนามข่าว
ยุควิกฤตโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้การใช้ชีวิตของผู้คนและธุรกิจทั้งรายใหญ่รายน้อยต่างได้รับผลกระทบถ้วนหน้า
โดยเฉพาะไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ถูกไวรัสมรณะโจมตี ส่งผลให้ทุกชนชั้นต้องตกระกำลำบากมาเกือบ 2 ปี การค้าฝืดเคือง ผู้คนตกงาน แต่ชีวิตยังต้องกินต้องใช้ ต่างขวนขวายหาเงินมาใช้จับจ่ายประทังชีวิต หลายคนจำต้องต้องหันไปพึ่งแหล่งเงินกู้นอกระบบ แม้ถูกขูดรีดดอกเบี้ยชนิดเลือดไหลโชก
แม้ตำรวจพยายามไล่สืบเสาะจับกุมแก๊งเงินกู้โหดเหล่านี้ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ได้จากการขูดรีดคนยากไร้มันหอมหวานเกินห้ามใจ ทำให้ขบวนการอุบาทว์เหล่านี้ยังไม่ยอมหมดสิ้นไป
แถมยังพัฒนารูปแบบใช้เทคโนโลยียุค 5 จี ติดต่อทำธุรกรรมผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ เพื่อให้การแกะรอยติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ลำบากมากขึ้น
ล่าสุด เพียง 2 วัน ตำรวจ 2 หน่วยงานบุกทลายถึงแหล่งที่ตั้งเงินกู้เถื่อน 2 แก๊ง ใน จ.นนทบุรี และกรุงเทพฯ
คดีแรก พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าได้กู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อ PiggyBank
หากกู้ 5,000 บาท จะถูกหักดอกก่อนล่วงหน้า ร้อยละ 45 ผู้กู้จะได้รับเงินแค่ 2,880 บาท หากไม่ชำระเงินที่กู้ตรงตามกำหนด พนักงานจะโทรศัพท์ไปทวงถามหรือส่งข้อความไปยังบุคคลใกล้ชิดให้เกิดความอับอาย
‘บิ๊กแซ็ก’ จึงมีคำสั่งให้พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองจเรตำรวจ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภาค 1 พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ รอง ผบก.สส.ภาค 1 พ.ต.ท.พิษณุ เพ็ชรคำ รอง ผกก.สส.ภาค 1 สืบสวนอย่างเร่งด่วน
พบว่าแก๊งดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับ 5 แอพฯ เงินกู้ผิดกฎหมาย ประกอบด้วย FLASH MONEY, PIGGY BANK, HILONE, POCKET MONEY, UNION LONE
กระทั่งวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนปราบปรามอบายมุขช่วงสถานการณ์โควิด-19 นำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 599/64 เข้าตรวจค้นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นหลังหนึ่งย่านบางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี
พบน.ส.ปวีณา เอี่ยมเทพ อายุ 36 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแล มีพนักงานชายหญิงกำลังนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ทวงเงินจากลูกค้าที่กู้เงินจากแอพพลิเคชั่น
จากการตรวจค้นชั้นล่างพบพนักงาน 9 คน ส่วนชั้น 2 พบพนักงาน 6 คน รวม 15 คน คอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 35 เครื่อง และพบข้อมูลรายชื่อลูกค้าเงินกู้ 3 หมื่นกว่าราย
ถัดมาเพียงวันเดียว ในวันที่ 14 ก.ค. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร. (สบ 8) ช่วยราชการบช.น. พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รองผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.
นำกำลังพร้อมหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.118/2564 ลงวันที่ 13 ก.ค. เข้าตรวจค้นบริษัทเอ๊กซ์เพียว จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารริเวอร์วิว เพลส พระราม 3 ซอย 46 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบเปิดใช้เป็นสำนักของเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ แอพพลิเคชั่น แมงโก้โลน (mango loan) และโคโค่โลน (coco loan)
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 8 ชั้น บริเวณชั้น 2 ห้องเลขที่ 1258/31-34 เป็นห้องติดกัน 4 ห้อง ดัดแปลงเป็นสำนักงาน มีกลุ่มพนักงานเป็นชาย 4 คน และหญิง 2 คน นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์พยายามวิ่งหลบหนีหลังเห็นเจ้าหน้าที่ แต่ตามจับกุมกลับมาได้ทั้งหมด
ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์รวม 30 เครื่อง พร้อมเอกสารบัญชีรายชื่อลูกค้าที่กู้ยืมเงิน โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง และซิมโทรศัพท์จำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เผยว่า ได้รับการร้องเรียนว่ามีแก๊งเงินกู้เปิดแอพพลิเคชั่นเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าผู้กู้เงิน
โดยกู้เงิน 1,700 บาท ต้องผ่อนส่งพร้อมดอกเบี้ยวันละ 415 บาท เป็นเวลา 7 วัน คิดเป็นเงิน 2,905 บาท
เฉลี่ยเป็นดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 10 ต่อวัน
การติดตามทวงหนี้ขบวนการดังกล่าวก็ทำลักษณะก่อกวนและข่มขู่ หากใครไม่ชำระหนี้ครบตามเวลาจะส่งข้อความไปให้กับบุคคลใกล้ชิด เพื่อประจานให้เกิดความอับอาย
เนื่องจากแอพพลิเคชั่นดังกล่าวฝังโปรแกรมสปายแวร์ดูดข้อมูลในโทรศัพท์ของบรรดาลูกหนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่สืบหาเบาะแสกว่า 2-3 เดือน กระทั่งขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายค้น เข้าตรวจค้นจับกุมในที่สุด
นอกจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมใน 2 คดีนี้แล้ว ตำรวจก็ยังไม่ยอมปิดจ๊อบ เดินหน้าแกะรอยล่าจับตัวนายทุนชาวจีนผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อนำตัวมาลงโทษตามกบิลเมืองต่อไป
สันติ ประหร่ำภากรณ์-สมศักดิ์ ชฏารัตน์/เรื่อง/ภาพ