คดีสะเทือนสังคม บาสดาบคู่-แทง2ศพ อาจโดนสมัครใจวิวาท แนะมีสติ-รีบแจ้งตร. : แฟ้มคดี

คดีสะเทือนสังคม – บานปลายใหญ่โต และอยู่ในความสนใจของสังคม อย่างสูง

สำหรับกรณีของ ‘บาส ดาบคู่’ หนุ่มวัย 21 ปีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม

ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยเพียงการขับรถปาดหน้ากัน ขยายมาเป็นการยกพวกมาเคลียร์ ตะโกนด่าทอกันหน้าบ้าน ขว้างปาสิ่งของ

จนหนุ่มเจ้าของบ้านอดรนทนไม่ไหว คว้ามีด 2 เล่ม ออกมาตะลุมบอนกัน จนคู่อริที่มีพวกมากกว่า เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกคน ส่วนบาส เจ้าของบ้านก็บาดเจ็บแขนหัก

และเมื่อคลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนหนึ่งก็เห็นใจบาส เจ้าของบ้าน ขณะที่การพูดถึงวัยรุ่นคู่อริก็อื้ออึงกันเลยทีเดียว

แต่ความเห็นก็ส่วนความเห็น กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ใครทำอะไรก็ต้องรับผลกรรม ดังที่จะเห็นทั้ง 2 ฝ่ายต่างโดนคดีกันกราวรูด

เป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนเลือดร้อนทั้งหลาย ใช้สติแก้ปัญหา ยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่ให้ต้องโดนคดียุ่งเหยิงใหญ่โตเช่นนี้อีก

คดีสะเทือนสังคม

รอมอบตัว

2 ฝ่ายเปิดใจเล่านาทีเดือด

เหตุการณ์สยองที่เกิดขึ้นช่วงเย็นของวันที่ 12 ต.ค. ที่ขยายจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ไปเป็นเหตุฆาตกรรม ซึ่งเรื่องราวของคดีดังกล่าว อยู่ในความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวาง เพราะแต่ละฝ่ายพาเหรดออกรายการโทรทัศน์เล่าเหตุการณ์ในมุมมองของตัวเองอย่างละเอียดลออ

เริ่มจากการให้ข้อมูลจากคนในละแวกที่เกิดเหตุ ระบุว่า ปกติบาส ที่เป็นคนต่างถิ่นเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ พักอยู่กับแฟนสาว ปกติไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เป็นคนทำมาหากิน ที่เกิดเรื่องเริ่มจากขี่จักรยานยนต์ปาดหน้ากับวัยรุ่นเจ้าถิ่นหน้าร้านสะดวกซื้อปากซอย แล้วเคลียร์กันจบแล้วระดับหนึ่ง

แต่วัยรุ่นเจ้าถิ่น กลับไม่จบ บุกมาก่อเหตุ ก่อนจะถูกบาส ควงมีดคู่ออกจากบ้านไปปะทะด้วย จนพูดกันว่าเป็นเหตุการณ์ 1 รุม 6

ขณะที่เจ้าตัวยืนยันก่อเหตุ เพราะถูกหาเรื่องก่อนที่บ้าน และไม่รู้จะว่าจะมีการบุกเข้ามาทำร้ายหรือไม่ ขณะที่แฟนสาวก็อยู่ในบ้าน จึงตัดสินใจคว้ามีดออกไป เพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อออกไปก็ตั้งใจจะใช้มีดขู่ให้กลับไป แต่กลับถูกรุมทำร้ายจึงใช้มีดกราดแทงไปโดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะฆ่าใคร

ส่วนวัยรุ่นที่เป็นต้นเรื่อง ก็คือนายณัฐพล หรือบาย มากนาม อายุ 22 ปี นายภาสกร หรือนิด ชัยมนตรี อายุ 37 ปี ก็ออกรายการโทรทัศน์เช่นกัน ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเรื่อง เพียงแต่ต้องการไปเคลียร์ ยอมรับเกิดเหตุเพราะขับรถปาดหน้ากับบาส ตัวต้นเรื่อง และถูกแจกของลับ จึงพาพวกมาเคลียร์ เพราะตัวเองตัวเล็กกว่า

ไม่ได้พกอาวุธ ตั้งใจจะมาคุย แต่กลับถูกบาส บุกออกมาจากบ้าน ใช้มีดแทงก่อน มีล็อกคอเพื่อนคนนึงจ้วงแทงด้วย จนต้องรุมตีเพื่อให้หยุด สุดท้ายยอมกราบให้เลิก เพื่อจะพาเพื่อนส่งโรงพยาบาล

เป็นเรื่องราวต่างมุมที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปในชั้นศาล

คดีสะเทือนสังคม

มีดก่อเหตุ

ฝากขังทั้ง 2 ฝ่าย-ได้ประกัน

สำหรับด้านคดี บาส หรือนายณัฐวุฒิ ถูกแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295, 371 พร้อมคุมตัวฝากขังศาลอาญาธนบุรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค. โดยมี นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา ยื่นประกัน ซึ่งมีนายสาริต แสงจันทร์ หรือเสี่ยเปีย เป็น ผู้ออกหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ยื่นประกันช่วยเหลือ

โดยนายจีระพันธ์ หรือหมอปลา กล่าวว่า ตนและเสี่ยเปียยืนยันว่าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่าครอบครัวนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม และหลักฐานก็ปรากฏชัดเจนว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นฝั่งคนตายหาเรื่อง จึงตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

ต่อมาศาลอาญาธนบุรี พิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว เป็นผู้ที่มารดาของผู้ต้องหาไว้วางใจและไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ในการนำหลักประกันมาวางต่อศาล จึงอนุโลมให้ผู้ร้องเป็นผู้ร้องขอประกันตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ตีราคาประกัน 500,000 บาท ก่อนปล่อยตัวในช่วงเย็น

ขณะที่วัยรุ่นทั้ง 4 คน คือ นายณัฐพล หรือบาย นายภาสกร หรือนิด นายปาราเมศ หรือบอล สุรียา อายุ 23 ปี และนายพันกร หรือเย่อ อึ้งโต อายุ 20 ปี ถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันบุกรุก และร่วมกันทำให้ ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว ฝากขังศาลอาญาธนบุรี เช่นกัน เมื่อวันที่ 18 ต.ค.

ด้านญาติของผู้ต้องหาทั้ง 4 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาที่ 1-4 ตีราคาประกันคนละ 150,000 บาท ให้ ผู้ประกันนำหลักทรัพย์ตามจำนวนดังกล่าวมาเสนอพิจารณาเป็นหลักประกันภายใน 7 วันนับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจขอปล่อยชั่วคราว

ต่อมาผู้ต้องหาวางเงินสด 30,000 บาท พร้อมติดอุปกรณ์ EM ศาลพิจารณาอนุญาตเเล้วให้ประกันตัวเเล้วต่อสู้คดีกันต่อไป

คดีสะเทือนสังคม

ได้ประกันกราบแม่

อัยการแนะวิธีรับมือ

อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์ และต้องพึงพิจารณาถึงข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ

โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ระบุว่า เรื่องนี้จะอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวได้หรือไม่ เพราะฝ่ายหนึ่งมาท้า อีกฝ่ายรับคำท้า เดินออกจากบ้านเอามีดไปแทงเขา ถ้าเป็นลักษณะมีคนท้า อีกคนรับคำท้า แบบนี้เรียกว่าสมัครใจวิวาทกัน สองฝ่ายก็พอกัน เป็นผู้ต้องหาทั้งคู่ นี่หลักกฎหมาย อ้างอะไรไม่ได้เลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฝ่ายที่เขาตาย หรือได้รับบาดเจ็บ ถ้าคิดว่าเขาป้องกันตัว ก็ต้องไปพิสูจน์กัน มองว่าเป็นลักษณะบันดาลโทสะ แต่บันดาลโทสะก็ต้องดูว่าเรามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วยมั้ยหรือไม่อย่างไร คดียังไม่ยุติ ต้องไปต่อสู้กัน แล้วแต่กล้องวงจรปิด ประจักษ์พยาน ต้องไปพิสูจน์กัน

แต่ถ้าใครเอาของมาเขวี้ยงบ้านเราแล้ว เราไปฆ่าเขา ก็อาจเกินกว่าเหตุ

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง ระบุว่า คดีนี้คล้ายๆ ลุงวิศวะ ที่มีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นที่อ่างศิลา ซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นการสมัครใจวิวาท

การที่จะไม่ต้องเป็นผู้ต้องหา ควรจะ 1.มีสติ โทร.แจ้งตำรวจ จะเป็นการแสดงเจตนาว่าไม่ต้องการมีเรื่อง ไม่ต้องการวิวาทด้วยกับคู่กรณี โดยเฉพาะอยู่ในรั้วบ้าน คู่กรณีไม่สามารถเข้ามาทำร้ายได้ถ้าไม่ปีนรั้วบ้านข้ามรั้วเข้ามา เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา ถ้าคนร้ายปีนรั้วเข้ามาทำร้าย ใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองได้

2.ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ว่าถูกด่า ถูกขว้างปา กลุ่มคนที่มาหน้าบ้าน คุกคาม ข่มขู่ ทำอะไรอย่างไร มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ซึ่งคดีนี้ ทั้งเจ้าตัวและครอบครัว ต่อสู้คดีในศาลอีกยาวนานด้วยอารมณ์ชั่ววูบกัน จึงควรใช้สติ

ขึ้นโรงพักขึ้นศาลเราควรจะเป็นผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ต้องหา ความทุกข์ระยะยาวตกอยู่กับฝ่ายผู้ต้องหา ผู้เสียหายถึงทุกข์ก็แค่ระยะสั้น ระงับเหตุร้ายด้วย สติ ยั้งคิด ยั้งทำ แจ้งตำรวจ ใช้กฎหมายแก้ปัญหา ไม่ใช้อารมณ์ เพื่อรอดเพื่อผ่านจากเหตุการณ์ร้าย และต้องทนทุกข์ ต่อสู้คดีหลายปี แพ้คดีอาจติดคุก

เป็นอุทาหรณ์ที่ทุกฝ่ายควรนำไปปรับใช้!!

ย้อนปมบาสดาบคู่ลุย 1 ต่อ 6

การปะทะเดือดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 ต.ค. โดยพ.ต.อ.วิศิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม นำกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท เกิดขึ้นที่หน้าบ้านพัก ซอย 39 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. มีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาล

ต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิต 2 คน คือนายสมเดช หรือต้น ดุลยพัฒน์ อายุ 25 ปี ถูกแทงใต้ราวนมซ้าย แขนซ้าย และอีกหลายแห่งกว่า 10 แผล เสียชีวิตที่ร.พ.บางปะกอก 8 นายธิติวุฒิ หรือแซม กลิ่นโพธิ์ อายุ 19 ปี ถูกแทงที่ใต้ราวนมซ้าย และลำคอด้านขวา เสียชีวิตที่ร.พ.เกษมราษฎร์บางแค และนายพันกร อึ้งโต อายุ 20 ปี บาดเจ็บสาหัส ถูกส่งรักษาตัวที่ร.พ.ราชพิพัฒน์

ขณะที่ผู้ก่อเหตุ คือนายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือบาส อายุ 21 ปี ในสภาพแขนซ้ายหัก นั่งรอมอบตัวอยู่ภายในบ้านหลังเกิดเหตุ โดยพบอาวุธมีดสปาร์ตา ยาว 18 นิ้ว และมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว รวม 2 เล่ม

นายณัฐวุฒิ หรือบาส ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ขี่จยย.มากับแฟนสาว จะกลับมา ระหว่างทางเกิดมีปัญหาปาดหน้ากับวัยรุ่นเจ้าถิ่นรายหนึ่ง ทะเลาะกันแล้วมีคนมาห้าม ก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดว่าน่าจะจบไปแล้ว แต่หลังจากนั้นคู่กรณีพาพวกมาหลายคน มาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน ตะโกนด่า และขว้างปาสิ่งของเข้ามา จนกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเองและแฟนสาวที่อยู่ในบ้าน

ด้านวงจรปิดในบ้านที่เกิดเหตุ ก็จับภาพกลุ่มชายฉกรรจ์บุกมาตะโกนด่าทอ ขว้างปาสิ่งของเข้าในบ้าน จังหวะนั้นเอง ที่บาส ควงมีดคู่ วิ่งออกจากบ้านตะโกน ‘มาดิวัยรุ่น’ แล้วก็ออกไปพันตูกับชายฉกรรจ์อีก 6 คน ในลักษณะชุลมุน โดยคู่อริก็ใช้กระถางต้นไม้และไม้ที่หาได้แถวนั้นต่อสู้กันจนบาดเจ็บ

ต่อสู้กันไปสักพัก มีผู้บาดเจ็บล้มนอนเลือดทะลัก กลุ่มของชายเจ้าถิ่นต้องยกมือไหว้ขอให้หยุด โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รีบแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ แต่ในที่สุดก็พบกับความสูญเสียบาดเจ็บล้มตายกันไปหลายศพ

วัยรุ่นที่ก่อเหตุทั้ง 2 ฝั่งต่างถูกคดีกันถ้วนหน้า!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน