ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ
กาวหยอดรูกุญแจบ้าน
เผยจ่ายดอกวันละ2พัน

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ กาวหยอดรูกุญแจบ้าน เผยจ่ายดอกวันละ2พัน – ปัญหาใหญ่ของคนหาเช้ากินค่ำ ที่คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่กฎหมายกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เอาไว้ในอัตราที่เหมาะสมทั้งกับฝ่ายเจ้าหนี้และฝ่ายลูกหนี้ ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาพวกทำนาบนหลังคน สุดท้ายเมื่อไม่มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ยซึ่งแสนแพงก็ถูกสารพัดวิธีงัดมาข่มขู่คุกคามเพื่อทวงหนี้

ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ กาวหยอดรูกุญแจบ้าน เผยจ่ายดอกวันละ2พัน

ช่วยตัดกุญแจ

ย้อนไปเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ต.ค. 2564 ที่สน.บางเขน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางประคอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 77 ปี พร้อมด้วย น.ส.ธัญพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน หลังถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบทวงหนี้โดยการหยอดกาวร้อนในรูกุญแจบ้านขังยายและครอบครัวไม่ให้ออกจากบ้าน

นางประคองกล่าวว่า ลูกสาวกู้เงินนอกระบบมาลงทุนขายผลไม้ ต้องหาเงินมาจ่ายค่าดอกวันละ 2,000 บาท แต่ระยะหลังประสบปัญหาโควิด ขายของไม่ได้ ต้องคอยหลบหน้าเจ้าหนี้ ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่ได้ไปทำบุญที่วัดก็เข้าบ้านล็อกกุญแจอยู่กัน 3 คน มีลูกสาวและหลานสาว หลังจากนอนหลับตื่นมาได้ยินเสียงโซ่ดังแต่ไม่ได้สนใจ กระทั่งระหว่างที่จะออกจากบ้านเพื่อไปทิ้งขยะและซื้อกับข้าว ปรากฏว่าไขกุญแจออกไม่ได้ เนื่องจากช่องใส่ลูกกุญแจถูกกาวร้อนหยอดเอาไว้ จึงให้คนมาช่วยและให้ลูกชายเอาใบเลื่อยมาตัด

นางประคองกล่าวต่อว่า คาดว่าน่าจะเป็นคนที่มาเก็บดอกเงินกู้เป็นคนทำ เพราะเคยบอกไว้ว่า “หลบได้หลบไป เจอเมื่อไหร่โดนแน่” เนื่องจากลูกสาวไปกู้เงินประมาณเดือนส.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 10,000 บาท กู้ส่งดอกเฉลี่ยวันละ 200 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 60 ต่อเดือน ต้นไม่ลดเลยส่งแต่ดอกวันละ 200 บาท มีต้นคืนแล้วถึงจะจบ

ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ กาวหยอดรูกุญแจบ้าน เผยจ่ายดอกวันละ2พัน

น.ส.ธัญพรกล่าวเสริมว่า ตนกู้เงินนอกระบบมาหลายรายรวมประมาณ 40,000 บาท ต้องส่งดอกเบี้ยประมาณวันละ 2,000 บาท ที่ได้กู้กับเจ้าหนี้ดังกล่าวเนื่องจากได้รับใบปลิวมาจึงติดต่อขอกู้ไป ส่วนใหญ่จะอยู่แถวปทุมธานี หลังไม่มีเงินจ่ายก็ถูกเจ้าหนี้ตามทวงข่มขู่จนต้องคอยหลบหน้า ทางเจ้าหนี้บอกว่า “อย่าให้เจอหน้า ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายดอก” ตนเกรงกลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงพากันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยออกไปไหน

ขณะที่นายเอกภพให้ข้อมูลว่า เจ้าหนี้ที่หนักที่สุดคือดอกลอยที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อเดือน เมื่อไม่มีเงินต้นก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ซึ่งมีการข่มขู่ผู้เสียหายด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนก่อนว่าผู้ก่อเหตุเป็นเซลส์เงินกู้จริงหรือไม่ หากเป็นเซลส์ปล่อยเงินกู้จริง สิ่งที่คุณทำก็เหมือนทำนาบนหลังคน ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ร้อยละ 60 ถือว่าเป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับคนที่กู้

ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ กาวหยอดรูกุญแจบ้าน เผยจ่ายดอกวันละ2พัน

แม่กุฐแจถูกกาวร้อนหยอด

“ถ้าเป็นเซลส์ปล่อยเงินกู้จริง กรณี ดังกล่าวหากปล่อยไว้ก็อาจเป็นกรณีที่ถูกทำร้ายเกิดขึ้น ยังไงก็ต้องนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงหน่วยงานภาครัฐอาจมีการจัดตั้งกองทุนสำหรับคนอยากตั้งตัวให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่าย ไม่โยนเรื่องไปให้ธนาคาร” นายเอกภพกล่าว

พ.ต.อ.สราวุธ บุตรดี รองผกก.(สอบสวน) สน.บางเขน กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเข้าข่ายความผิด ทำให้เสียทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนพ.ร.บ.เกี่ยวกับเงินกู้และการทวงถามหนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสาเหตุของการก่อเหตุครั้งนี้มาจากเรื่องของหนี้สินเงินกู้จริงหรือไม่

ไม่ต้องรอนานเพราะกลางดึกคืนเดียวกัน พ.ต.ท.สมใจ รอดยัง สว.สส. รรท.รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พร้อมด้วย พ.ต.ต.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส.สน.บางเขน ได้ติดต่อน.ส.วิไล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ให้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังสืบสวนจนทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว

ย้อนคดีทวงหนี้จอมแสบ กาวหยอดรูกุญแจบ้าน เผยจ่ายดอกวันละ2พัน

เจ้าหนี้โผล่มอบตัว

จากการสอบสวนน.ส.วิไลให้การโดยอ้างว่าตนได้ไปที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมกับนายไตรรงค์ โดยใช้รถจยย.เป็นยานพาหนะ จากนั้นได้ใช้กาวหยอดกุญแจรั้วบ้านของผู้เสียหายจริง สาเหตุเนื่องจากโกรธที่ผู้เสียหายได้กู้ยืมเงินไป 10,000 บาท และตกลงจ่ายรายวันเป็นเงินวันละ 200 บาท หลังจากกู้เงินไปแล้วผู้เสียหายจ่ายรายวันแค่เพียง 3 วันแล้วก็ติดต่อไม่ได้เลย เมื่อมาทวงถามก็ไม่ยอมออกมาพบ ตนโกรธมากจึงได้นำเอากาวมาหยอดกุญแจรั้ว

หลังสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” เพื่อดำเนินคดีต่อไป

เพราะคิดว่าตนเป็นเจ้าหนี้ จะทำอย่างไรก็ได้ สุดท้ายจึงเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาเพียงชั่วข้ามคืน

โดย พุทธิสรรค์ แก้วบัวดี
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน