แฟ้มคดี : ย้อนคดียิงดับเด็ก15ปีอุกอาจหน้าสน.ดินแดงม็อบลั่นต้องไม่ตายฟรีตร.จับแล้ว1-ได้ประกัน

ย้อนคดียิงดับเด็ก15ปีอุกอาจหน้าสน.ดินแดงม็อบลั่นต้องไม่ตายฟรี : เป็นคดีที่ถูกจับตามากเลยทีเดียว สำหรับกรณีของ วาฤทธิ์ สมน้อย เด็กหนุ่มอายุ 15 ปีที่ถูกยิงใกล้ สน.ดินแดง ในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยถูกยิงเข้าที่คออาการสาหัส เข้ารักษาตัวอยู่ในไอซียู ร.พ.ราชวิถี นานกว่า 2 เดือน และสิ้นใจในเวลาต่อมา

ย้อนคดียิงดับเด็ก15ปีอุกอาจหน้าสน.ดินแดงม็อบลั่นต้องไม่ตายฟรี

ไว้อาลัย

การทำร้ายร่างกายจึงกลายเป็นคดีฆาตกรรม!!

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ไม่ใช่อาชญากรรมธรรมดา เพราะวาฤทธิ์เสียชีวิตขณะออกมาเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

ไม่ควรมีใครที่จะมาพรากชีวิตของประชาชนไปเช่นนี้

จึงไม่แปลกที่แรงกดดันจะพุ่งเป้าไปที่การทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่ผ่านมาแม้มีคลิปวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ชัดเจน เกิดขึ้นในชุมชนเมือง ใกล้สถานีตำรวจด้วยซ้ำ

เจ้าหน้าที่ก็จับกุมผู้ก่อเหตุได้เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยสามารถจับกุมได้ขณะหนีไปกบดานที่ จ.กาญจนบุรี

นำตัวส่งฟ้อง และในที่สุดผู้ต้องหาแม้จะหลบหนี สุดท้ายได้รับสิทธิประกันตัวออกมาสู้คดี

ต้องติดตามบทสรุปกันต่อไป ขณะที่มวลชนและสังคมต่าง เฝ้ามอง ยืนยันไม่ให้วาฤทธิ์ตายฟรี!!!

ย้อนคดียิงดับเด็ก15ปีอุกอาจหน้าสน.ดินแดงม็อบลั่นต้องไม่ตายฟรี

ผู้ต้องหาคดียิง

เด็ก 15 ปีถูกยิงคอสิ้นใจแล้ว

หลังจากวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงเข้าที่ คอ หน้า สน.ดินแดง จนกระสุนฝังบริเวณไขสันหลังส่วนบน ร่วมกับมีภาวะสมองบวมจากการขาดออกซิเจน รักษาตัวในไอซียูนานกว่า 2 เดือน ก็ต้องเผชิญกับเรื่องเศร้า โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค. มีรายงานว่า นายวาฤทธิ์ได้เสียชีวิตแล้ว ศพถูกนำไปทำพิธีที่วัดน้อยสุวรรณาราม จ.สมุทรปราการ พร้อมทำพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 31 ต.ค. โดยมีประชาชนร่วมแห่ศพและชู 3 นิ้วพาขึ้นเมรุ

และที่ต่อเนื่องจากการเสียชีวิตของนายวาฤทธิ์ก็คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 ต.ค. เวลา 17.30 น. มีมวลชนมาชุมนุมกันที่หน้า สน.ดินแดง เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับวาฤทธิ์ ซึ่งนอกจากจะมีการจุดเทียนรำลึกในจุดที่วาฤทธิ์ถูกยิงแล้ว ยังมีมวลชนนำสีแดงไปฉีดใส่ศาลพระภูมิของ สน.ดินแดง และมีรายงานว่าพยายามจะจุดไฟเผา

ย้อนคดียิงดับเด็ก15ปีอุกอาจหน้าสน.ดินแดงม็อบลั่นต้องไม่ตายฟรี

วงจรปิดจับภาพ

เจ้าหน้าที่จึงเข้ามาระงับเหตุและจับกุมผู้ชุมนุมไปจำนวนหนึ่ง ขณะที่เหตุการณ์หน้า สน.ดินแดงทวีความชุลมุน ถึงขั้นตำรวจต้องปิดไฟสน. ไม่ให้ใครมองเข้าไปข้างในได้

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีมวลชนที่เป็นผู้ชุมนุมเข้าร้องเรียนต่อ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่าเกิดการซ้อมทรมานขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งการจับกุมเข้าไปในห้องสอบสวน สน.ดินแดง ขู่เข็ญไม่ให้พบทนายความ ขู่เข็ญเอารหัสโทรศัพท์เพื่อเข้าถึงข้อมูล

ซึ่งได้ไปตรวจร่างกายที่ ร.พ.ศิริราช และมีใบรับรองแพทย์ว่าถูกทำร้ายร่างกายจริง มีบาดแผลบริเวณใบหน้า ลำตัว แขน และรอยฟกช้ำที่ลำคอ

นายอรรถสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) ระบุว่า วันเกิดเหตุถูกรุมจับ กดแขน ขา และคอ ลากเข้าไปในรั้ว สน.ดินแดง พาเข้าไปในห้องสืบสวนที่อยู่ข้าง สน.ดินแดง ต่อมามีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาทำร้าย บอก “คนนี้พี่ขอ” พร้อมถามว่ามายังไง มากับใคร เก่งมากใช่ไหม ก่อนที่จะตอบว่าขี่จักรยานยนต์มา ตำรวจก็บอกว่าโอเค ดี จะทำให้เหมือนอุบัติเหตุตาย

จากนั้นก็ซ้อมด้วยการการเตะเข้าที่ท้อง ใช้กระบองแทงเข้าที่ซี่โครงด้านขวา จับหัวโขกกับเก้าอี้ไม้หลายครั้ง บีบคอบังคับเพื่อเอารหัสโทรศัพท์ เมื่อใส่รหัสไม่ถูกต้องก็บีบคออีกจนสามารถใส่รหัสได้ จนเกือบหมดสติ

กมธ.สภาแฉหลักฐานมัด

ขณะที่การติดตามคนร้าย กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนฯ นำโดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ประธานกมธ. และ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะทำงานศึกษากรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองของ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ก็ได้สืบสวนและสรุปเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ และแถลงเป็น หลักฐานเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยระบุว่า จากการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด 54 ตัวบริเวณพื้นที่ เกิดเหตุ และสัมภาษณ์ผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ พบว่า เวลา 20.34 น. วันเกิดเหตุ จับภาพกลุ่มผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ประมาณ 12 คน ในชุดไปรเวต จอดรถที่ปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 และตรงเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมที่รวมกลุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว แม้ผู้ชุมนุมจะหนีไปแล้ว คนกลุ่มนี้ก็ยังคงปักหลักทำร้ายคน ผ่านไปมา

โดยเฉพาะชายเสื้อสีอ่อน กางเกงขาสั้น สะพายเป้เฉียงข้าง มือหนึ่งถือปืน อีกมือใช้ไม้ไล่ฟาดประชาชนที่ผ่านไปมาด้วยท่าทีคุกคาม

ต่อมาเวลา 20.38 น. ปรากฏภาพชายชุดดำวิ่งพร้อมเล็งปืนยิงไปทางกลุ่มคนริมถนน คาดว่าชายคนนี้คือผู้ที่ยิงด.ช.อายุ 14 ปี ซึ่งสอดคล้องกับคําให้การที่บอกว่าขณะขับรถมอเตอร์ไซค์ไปรับเพื่อนที่ไปร่วมชุมนุม มีกลุ่มชายฉกรรจ์ถือไม้และปืนคล้ายลูกโม่หรือรีวอลโว่ดักอยู่กลางถนน จึงตัดสินใจทิ้งรถแล้ววิ่งหนี แต่ถูกไล่ตามและถูกไม้ฟาดอย่างแรง ซึ่งมารู้ตัวว่าถูกยิงในภายหลัง คาดว่าอาจเป็นช่วงชุลมุนระหว่างถูกรุมตี

จากนั้นเวลา 20.42 น. กล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าซอยประชาสงเคราะห์ 21 ตรงไปยังด้านหลัง สน.ดินแดง และในเวลาไล่เลี่ยกัน ประชาชนบนแฟลตดินแดงถ่ายคลิปวิดีโอที่เห็นชายหลายคนวิ่งอยู่ในซอยหน้า สน.ดินแดง มุ่งหน้าถนนมิตรไมตรี ยิงปืนไปทางถนนมิตรไมตรีอย่างน้อย 15 นัด ซึ่งเป็นเสียงปืนจริง

ต่อมาเวลา 20.44 น. ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพวาฤทธิ์วิ่งอยู่บนถนนมิตรไมตรีมุ่งหน้าแยกโรงกรองน้ำ ก่อนถูกยิงล้มลง ซึ่งมีรอยกระสุนอีกนัดที่กำแพง ระบุทิศทางการยิงว่ายิงตรงมาจากซอยหน้า สน.ดินแดง ซึ่งไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ เนื่องจากปากซอยถูกตำรวจกั้นรั้วกีดขวางกันผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมเผาสิ่งของบริเวณรั้วเป็น กองไฟกองใหญ่

กล้องวงจรปิดยังจับภาพชายเสื้อสีอ่อน กางเกงขาสั้น สะพายเป้เฉียงข้าง ยืนอยู่ปากซอยหน้า สน.ดินแดง โดยไม่ถูกจับกุม จึงเชื่อว่าอาจมีความเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่

เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องทำให้กระจ่างจริงๆ

ได้ประกัน-จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของตำรวจ หลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่วาฤทธิ์ถูกยิงที่หน้า สน.ดินแดง ก็เกิดคำถามว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ก่อเหตุที่กล้าลงมือกลางเมืองใกล้สถานีตำรวจขนาดนั้น ไม่เพียงแค่นั้นยังไม่สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จนกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์พาดพิงถึงองค์กรตำรวจในทางเสียหาย

อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เวลาทำคดี อยู่เดือนกว่า ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย

โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. (ในขณะนั้น) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผบช.ภาค 5 ได้แถลงผลการจับกุมนายชุติพงษ์ ทิศกระโทก อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และใช้อาวุธปืนยิงผู้ชุมนุม เป็นเยาวชน ถูกยิงที่ต้นคอ

ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ส.ค. บริเวณหน้าปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 ต่อเนื่องถึงหน้าโรงแรมปรินซ์ตัน ในพื้นที่ สน.ดินแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยกล่าวหาว่า พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ ยิงปืนในสถานที่สาธารณะ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่รับว่าเป็นบุคคลในภาพวงจรปิดจริง อ้างว่าไม่ได้เป็นคนยิง จาก การสืบสวนเป็นคนในพื้นที่ดินแดงจริง ส่วนสาเหตุการก่อเหตุคาดว่าไม่พอใจกับ ผู้ชุมนุมจึงยิงสุ่มเข้าไปในพื้นที่การชุมนุม

หลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวไปค้นอาวุธที่บ้าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงบ้านผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งที่ใช้ซุกซ่อนอาวุธปืนที่ก่อเหตุ

และหลังจากที่นายวาฤทธิ์เสียชีวิต พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. ดูแลงานสอบสวน ระบุว่า ได้สั่งให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งเป็นหัวกระสุนที่อยู่ในร่างกายของผู้เสียชีวิต เพื่อพิสูจน์ทราบขนาดกระสุนที่ผู้ก่อเหตุใช้ยิงใส่ รวมถึงการทำสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตให้มีการสอบปากคำแพทย์ที่ทำการรักษาเพิ่มเติมว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากสาเหตุใดโดยละเอียด

ส่วนกรณีความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้นจากการตรวจสอบยังพบเพียงแค่ผู้ต้องหาเพียง 1 รายที่ก่อเหตุ ยังไม่มีพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแต่ อย่างใด และอยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า นายชุติพงษ์ได้ประกันตัวในชั้นศาลไปก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างที่ตำรวจเตรียมจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

จึงเป็นเรื่องสังคมจับตาอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ใครต้องตายฟรี!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน