คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

กฤษณ์ สนใจ / ทวีศักดิ์ เดชชู
เรื่อง/ภาพ

ผ่าชนวนฆ่ารปภ.สาว ผัวเก่าดักรอ-จ่อยิง! เปิดโรงแรมฆ่าตัวตาม

“ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทั้งพ่อแม่และครอบครัว ขอตายตามคนรักไป” คำพูดสุดท้ายที่ นายอนุสรณ์ สุทธิประดิษฐ์ หนุ่มใหญ่วัย 50 ปี บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะลั่นไก ปิดฉากคดีพิศวาสฆาตกรรมสยองพัฒนานิคม

ย้อนไปเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. พ.ต.ท.สราวุธ มหาชัย สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พัฒนานิคม ลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่ลานจอดรถบริษัท บี แอนด์ ซี พูลาสกี้ จำกัด หมูที่ 13 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.กฤช แสงพล ผกก.สภ.พัฒนานิคม ทราบ พร้อมทั้งได้ประสานแพทย์เวร ร.พ.พัฒนานิคม ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปยังจุดเกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุหน้าโรงงาน

ที่เกิดเหตุ พบเป็นบริเวณลานจอดรถบริษัท ในจุดเกิดเหตุพบศพ น.ส.ชลิตา ผาบหนูดำ อายุ 22 ปี สวมเสื้อสีฟ้าแขนยาว สวมเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงขายาว ซึ่งเป็น รปภ.ในโรงงาน ดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ศีรษะและลำตัวรวม 5 นัด โดยมีนางสุภาพร เผือดนอก อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นแม่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ศพด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

ด้าน นายประเวทย์ สุทธา อายุ 46 ปี หน.รปภ.ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.30 น. ผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์ที่ลานจอด เดินเลาะเพื่อมาเข้าเวร โดยที่ไม่มีใครคาดว่าชายคนร้ายที่มาดักรอได้ใช้อาวุธปืนไล่กระหน่ำยิงและจ่อยิงแบบเผาขน จำนวน 5-6 นัด ก่อนค้นกระเป๋าผู้ตายคว้ากุญแจรถจักรยานยนต์ขับหนีไปอย่างลอยนวล

นางสุภาพรเปิดเผยกับตำรวจทั้งน้ำตาว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายอนุสรณ์ สุทธิประดิษฐ์ อายุ 50 ปี อดีตสามีที่เคยทำงานเป็นรปภ.อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่คบกันมา 2 ปี แต่หลังเลิกรากับลูกสาวตนเมื่อ 1 เดือนเศษ ก็ย้ายไปทำงานที่ จ.ชลบุรี ตนก็ยังคิดว่าเลิกรากันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรคาใจกันอีก

แม่ร่ำไห้ข้างศพ

ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้นายอนุสรณ์ อดีตสามีเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เพื่อมาขนของออกจากบ้าน เขาพกอาวุธปืนมาโชว์ด้วย ไม่ทราบว่าเป็นปืนจริงหรือปืนปลอม ซึ่งจะพยายามมาง้อขอคืนดี แต่อดีตสามีที่อายุมากกว่า 27 ปี เป็นคนที่ชอบหึงหวง กล่าวหาลูกสาวในทางที่ไม่ดี ว่าคบชู้ ซึ่งลูกสาวเบื่อหน่าย อายเพื่อนที่ต้องทนความหึงหวงของอดีตสามี จึงขอเลิกราต่อกันด้วยดี เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรสและไม่มีลูกด้วยกัน

หลังสอบสวนชุดงานสืบสวน สภ.พัฒนานิคม ประสานชุดสืบสวน ภ.จว.ลพบุรี ตำรวจสายตรวจ จราจร กระจายกำลังกันค้นหา ตั้งจุดสกัดกดดันผู้ต้องหาอย่างเร่งด่วน จนเวลาประมาณ 10.25 น. นายอนุสรณ์โทรศัพท์แจ้งทาง สภ.พัฒนานิคม ว่าจะเข้ามอบตัว ซึ่งจากการตรวจสอบจากสัญญาณโทรศัพท์ พบว่าอยู่บริเวณใกล้เคียง จุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร จึงได้กระจายกำลังออกค้นหา จนพบว่านายอนุสรณ์หลบมาเปิดห้องอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งทาง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปล้อมไว้และพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว

เจรจากันอยู่สักครู่ นายอนุสรณ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทั้งพ่อแม่และครอบครัว ขอตายตามคนรักไป” ก่อนที่ เจ้าหน้าที่จะได้ยินเสียงปืนจำนวน 1 นัดดังมาจากห้องหมายเลข 1 เมื่อเปิดประตูพบว่านายอนุสรณ์ใช้อาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ บรรจุกระสุนขนาด .38 แบบหักลำยิงทีละนัดระเบิดขมับขวาบนที่นอนโรงแรม เลือดและมันสมองกระจายเกลื่อน ปืนตกอยู่ที่ปลายเตียง รถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาจอดอยู่หน้าห้อง

ภายในห้องยังพบจดหมายสั่งเสียเอาไว้ เมื่อตรวจสอบในมือถือพบว่าหลังก่อเหตุฆ่าอดีตภรรยา เจ้าตัวส่งข้อความไลน์ไปหานางสุภาพรแม่ยาย ว่า ผมจัดการยิงแอมป์เรียบร้อยมาเอาศพที่โรง 4 พร้อมทั้งเขียนระบายความอัดอั้นตันใจ รวมทั้งสาเหตุที่ตัดสินใจก่อเหตุเอาไว้ ประมาณว่าตลอดเวลา 2 ปีที่อยู่กินกันมาได้คอยดูแลฝ่ายหญิงมาตลอดทั้งเรื่องงานและเรื่องเงินทอง แต่ต่อมาจับได้ว่าฝ่ายหญิงพูดคุยกับ ชายอื่นจนทะเลาะกัน จนถูกด่าถึงพ่อ ซ้ำยังเรียกตัวเองว่า ‘ไอ้แก่’

เจ้าตัวยังเขียนทิ้งท้ายว่า “ผมลำบาก ล่าสุดผมโทร.มาขอยืม 1,000 บาท คิดผมร้อยละยี่ ผมถามหน่อยว่าจิตใจทำด้วยอะไรกัน รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ไม่ใช่ผมเหรอที่ช่วยมาตลอดตอนไปคบกับผมใหม่ๆ ก็ค้างค่างวด ผมก็ต้องไปยืมเงินเขามาเพื่อใช้ให้ นี่แหละคนที่แม่และแอมป์เรียกว่า ไอ้แก่”

อีก 1 คู่ที่ความรักจบลงด้วยความตาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน