ผ่าคดีฆ่าสยองสองแควผัวถูกฟันหัวแบะในบ้านเมียพิรุธอื้อถูกเค้นจนรับ – เรื่องราวที่เป็นความจริงแม้นบางครั้งจะเหลือเชื่อจะเล่าสักกี่ครั้งก็ยังคงเหมือนเดิม ผิดกับความเท็จที่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิงเผย พิรุจมากขึ้นเท่านั้น

เช่นคดีที่ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ภายหลัง พ.ต.ท.ประเจิด พุ่มโพธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.นิคมสร้างตนเอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆาตกรรมที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 8 ต.นิคมพัฒนา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ธนารักษ์ ปาระมีสา รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก, พ.ต.ท.มนตรี เจริญภัทราวุฒิ รอง ผกก.สส., พ.ต.ต.บุญญาภาส เพ็งฤกษ์ นวท.สบ.2 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6, ตำรวจชุดสืบสวน และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ

ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูน 2 ชั้น บริเวณห้องนอนชั้นล่างพบผู้เสียชีวิตนอนห่มผ้านวมอยู่ภายในห้อง ทราบชื่อต่อมาคือ นายขวัญหล้า ทับทิม อายุ 45 ปี มีบาดแผลเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ลักษณะสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ 1 นิ้ว ที่บริเวณโหนกแก้มข้างขวาและกะโหลกศีรษะด้านหลังยุบจนทะลุ แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรอยคราบเลือดในห้องนอนดังกล่าว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง โดยมีนางยุพา ขำเทศ อายุ 55 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านยืนรอให้ปากคำด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

นางยุพาให้การว่า สามีไปดื่มสุรากับเพื่อนๆ หลังจากไปช่วย ขุดบ่อบาดาล และมีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนถูกทำร้ายร่างกายจน บาดเจ็บ จากนั้นสามีก็กลับมานอนที่บ้าน โดยไม่ได้ไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาล ตนพยายามถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่กลับถูกสามีไล่ให้ขึ้นไปนอนบนบ้านเพราะสามีมีอาการมึนเมา และจะขอนอนที่ห้องนอนด้านล่างเพียงลำพัง

กระทั่งช่วงเช้าตนตื่นมาก็เข้าไปปลุกสามีพบว่าสามีเสียชีวิตไปแล้ว แต่ที่แปลกใจคือภายในห้องนอนไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรอยคราบเลือดจากบาดแผลที่ศพเลย จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว

ขณะที่นางรัตน์ กระสายยศ อายุ 55 ปี พี่สาวของผู้ตายให้การว่า น้องชายแต่งงานอยู่กินกับนางยุพาได้เพียง 2 ปี แต่ไม่มีลูกด้วยกัน น้องชายมีนิสัยดี ไม่เคยหาเรื่องใคร และขยันทำไร่ทำนา แต่มักจะชอบหึงหวงภรรยาเป็นอย่างมาก มีปากเสียงกันบ้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้นางยุพาเคยมีสามีแต่ก็เลิกรากันไปนานแล้ว เมื่อทราบว่าน้องชายถูกฆ่าตายที่บ้านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากให้ตำรวจจับคนร้ายมารับกรรมที่ก่อเอาไว้

ตํารวจมองแว้บเดียวก็รู้ได้ถึงพิรุธ ทั้งสภาพบาดแผลที่หากโดนทำร้ายขนาดนั้นไม่มีทางเดินกลับมาบ้านได้แน่นอนประการหนึ่ง อีกประการคือหากห้องนอนเป็นจุดที่เกิดเหตุก็น่าจะมีร่องรอยที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ หรือรอยเลือดที่กระเด็นบ้าง จึงฟันธงได้เลยว่าน่าจะเป็นคนใกล้ตัว

พ.ต.อ.ธนารักษ์สั่งให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อม รวมถึงปูพรมค้นหาอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พร้อมกับเชิญตัวผู้ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ตายไปสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงนำนางยุพาไปสอบสวนที่โรงพัก

แล้วปริศนาก็ถูกคลี่คลาย เมื่อนางยุพายอมเปิดปากสารภาพหลังถูกสอบเครียดหลายชั่วโมง ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอมีดปอกมะพร้าวอาวุธสังหารที่ถูกซุกซ่อนอยู่ จนเจ้าตัวรับสิ้นว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในการฆ่าสามีด้วยตนเอง เนื่องจากแค้นที่ถูกต่อว่าเป็นประจำ ว่าปันใจมีชายคนอื่นมานานกว่า 2 ปี และแต่ละครั้งก็จะมีการทะเลาะกันเป็นประจำ จนล่าสุดทนไม่ได้ รอจังหวะนายขวัญหล้าเมาหลับนอนอยู่ในมุ้ง จึงได้นำมีดปอกมะพร้าวหลังบ้านมาฟันที่ใบหน้าอย่างเต็มที่ จนนายขวัญหล้า เสียชีวิตคาที่ จากนั้นได้ทำความสะอาดเลือดในที่เกิดเหตุและนำมีดปอกมะพร้าวไปซ่อน กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปค้นเจอ

เจ้าหน้าที่รีบนำตัวนางยุพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงกลางดึกของค่ำคืนที่เดียวกัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดวุ่นวาย เพราะมีญาติบางคนไม่พอใจที่นายขวัญหล้าถูกฆ่า อาจจะมีการรุมประชาทัณฑ์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

นายนวย ม่วงอ่อง 60 ปี พี่ชายนายขวัญหล้า ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเห็นใจนางยุพา ภรรยาของน้องชาย ถึงแม้จะเป็นผู้ลงมือฆ่านายขวัญหล้า น้องชายตนเองก็ตาม แต่ด้วยความที่มีเรื่องกินเหล้าและชอบทะเลาะ หึงหวงกันเป็นประจำ ทำให้นางยุพาต้องกดดันและลงมือก่อเหตุได้ ซึ่งตนเองก็อโหสิกรรมให้

นางมณี สิงโตทอง อายุ 61 ปี ญาตินางยุพากล่าวว่า วันนี้ได้ไปเยี่ยมนางยุพา และพูดคุยถึงเรื่องสาเหตุการลงมือฆ่านายขวัญหล้า เห็นใจนางยุพา ปกติแล้วทั้ง 2 คนนั้นเป็นคนดี แต่ก็มีเรื่องทะเลาะกัน เนื่องจากนายขวัญหล้าสามีกลัวว่าภรรยาจะมีชายอื่น

เพราะความหวาดระแวง สุดท้ายจึงจบลงด้วยความตาย

อนุชา แก้วคำมา-เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน