ย้อนนาทีรปภ.หื่นขืนใจสลดคอนโดกลางกรุง
ปิดป่าสระแก้ว-ล่าตัวตร.สอบออกใบรับรอง

แฟ้มคดี

เป็นภัยของคนสังคมเมืองอย่างแท้จริง สำหรับคดี รปภ.หื่น บุกขืนใจสาวถึงในห้องพัก

เพราะแทนที่ รปภ.จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับ ลูกบ้าน กลับกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง

หนำซ้ำเมื่อเกิดเรื่อง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ กลับต้องเผชิญปัญหาจาก รปภ.ด้วยกันและนิติบุคคลที่ไม่อำนวยความสะดวกให้ขึ้นไปตรวจสอบ และติดตามจับกุมตัวคนร้าย

ในที่สุดก็หลบหนีไป ท่ามกลางการเรียกร้องของสังคมให้ต้องมีผู้รับผิดชอบ

แม้ในที่สุดจะจับกุมตัวได้ ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเหตุใด หัวหน้า รปภ.ผู้นี้ ที่มีประวัติอาชญากรรมทางเพศ เหตุใดจึงได้รับใบรับรองคุณสมบัติที่สามารถปฏิบัติงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่ออกโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้

กลายเป็นคำถามว่าการตรวจสอบประวัติที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ถูกดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่

หรือเป็นเพียงข้อกำหนดไว้เพื่อประโยชน์อื่นใดกันแน่

เป็นเรื่องที่ บช.น.ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้

ล่ารปภ.หื่น-บุกห้องขืนใจ

เหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.50 น.ของวันที่ 4 ม.ค.2565 โดย ตร.สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง บนถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค กทม. โดยเพื่อนผู้ชายของผู้เสียหายเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้รับการโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย ซึ่งร้องไห้หนักมาก บอกว่าถูกหัวหน้า รปภ.ข่มขืน จึงรีบเดินทางไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที

เมื่อถึงคอนโดฯ ดังกล่าว แจ้งกับ รปภ.ที่ป้อมยามว่าน้องถูกข่มขืนในห้อง ให้เปิดประตูเข้าอาคาร เพราะไม่มีคีย์การ์ด รปภ.ระบุว่าให้เจ้าของห้องลงมารับ ไม่เช่นนั้นก็เป็นอำนาจของหัวหน้ารปภ. จึงแจ้งไปว่า หัวหน้า รปภ.นี่แหละที่เป็นคนก่อเหตุ เขาก็ยืนยันว่าไม่สามารถให้ขึ้นไปบนอาคารได้

ระหว่างรอก็เจอตำรวจสายตรวจ จึงเรียกมาแล้วแจ้งความว่าน้องถูกข่มขืนอยู่ชั้นบน เก็บตัวอยู่บนห้อง แต่ รปภ.ไม่ยอมเปิดประตูให้ จากนั้นตำรวจก็แสดงตัว แต่ รปภ.กลับบอกว่าเป็นตำรวจก็ให้ขึ้นไม่ได้

ใช้เวลาโต้เถียงกันอยู่นานนับชั่วโมง จนช่างของตึกได้ยิน ก็ออกมาเปิดประตูให้ถึงสามารถขึ้นไปได้ เชื่อว่าตอนที่ไปถึง นายมนตรียังอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ใช้จังหวะที่ชุลมุนหลบหนี จึงต้องการให้ตรวจสอบว่าเป็นการช่วยเหลือให้หลบหนีกันหรือไม่

ขณะที่ผู้เสียหายที่เป็นหญิงวัย 36 ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุไปธุระนอกบ้าน เมื่อกลับมาก็ไม่สามารถเข้าห้องพักชั้น 7 ได้ เพราะลืมกุญแจไว้กับเพื่อน จึงลงมาติดต่อ รปภ. พบนายมนตรี ใหญ่กระโทก อายุ 40 ปี ที่เป็นหัวหน้า รปภ.อยู่ที่ป้อม ให้ช่วยมาเปิดประตูห้องให้

เมื่อพานายมนตรีขึ้นมาที่ห้อง ก็ไม่สามารถเปิดได้ จึงโทรศัพท์ตามช่างกุญแจให้มาช่วยเปิด เมื่อช่างมาเปิดห้องได้สำเร็จ นายมนตรีได้เดินลงไปส่งช่างกุญแจ ก่อนจะกลับขึ้นมาอีกรอบ และเคาะประตูห้อง จากนั้นก็พูดทำนองว่าจะขอเบอร์โทรศัพท์ และใช้จังหวะดังกล่าวบุกเข้าไปในห้อง ข่มขู่และขืนใจจนสำเร็จ จากนั้นจึงมีวิทยุเข้าใจว่ามาจากป้อมด้านล่างถามว่าไปไหน ทำไมนานจัง นายมนตรีจึงลุกลี้ลุกลนออกจากห้องไป

จึงได้โอกาสโทรศัพท์ให้เพื่อนเข้ามาช่วย แต่สุดท้ายก็เสียเวลาอย่างยาวนานเพราะ รปภ.ไม่ให้ขึ้นไป

ต้องตรวจสอบว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่!??

บุกปิดล้อม-จับตัวสำเร็จ

ด้านนายปกครอง อรรจนาการ ผู้จัดการพื้นที่คอนโดฯ ดังกล่าว ชี้แจงว่า ไม่ได้มีการประวิงเวลา โดยตามระเบียบ ผู้มีคีย์การ์ดมี 2 คนคือ หัวหน้า รปภ.และช่างอาคาร ตอนเกิดเหตุญาติกลุ่มแรกเดินทางมาถึง 01.28 น. แต่ขับรถวนผิดตึก ต่อมา 01.38 น. ญาติกลุ่ม 2 มาถึง ช่างอาคารพาญาติขึ้นไปห้องผู้เสียหายทันที ใช้เวลาประมาณ 11 นาที ถ้าไม่รวมขับรถไปผิดตึกก็ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที

ต่อมาญาติกลุ่มสาม มาถึงเวลา01.43 น. ซึ่งมีปัญหากับ รปภ.เพราะไม่พาขึ้นไปห้องผู้เสียหาย เพราะ รปภ.คนดังกล่าวไม่มีคีย์การ์ด อย่างไรก็ตาม คอนโดฯ พร้อมเยียวยา และเรื่องความปลอดภัยภายในสิ้นเดือนจะปรับเปลี่ยนชุดพนักงานรปภ. ซึ่งต้องคุยกับบริษัท รปภ.อีกครั้ง

ขณะที่การติดตามล่าตัวนายมนตรี ทราบว่าได้หลบไปกบดานอยู่บ้านแม่ที่ จ.สระแก้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. เจ้าหน้าที่จึง ปิดล้อมป่ารอบสวนพฤกษศาสตร์ 100 ปี ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เขตป่าเขาอ่างฤๅไน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แบ่งเป็นชุดเดินเท้า สุนัขสงคราม พารามอเตอร์ และโดรน ตามล่าตัวนายมนตรี

หลังจากที่ติดตามไปที่บ้านแม่ ในพื้นที่ ม.5 ต.ทุ่งมหาเจริญ แต่ไม่พบ คาดว่าหลบหนีเข้าสวนพฤกษศาสตร์ 100 ปี กดดันหนักจนกระทั่งช่วงเย็นมีรายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายมนตรีได้แล้ว หลังจากหนีไป 62 ชั่วโมง และมามอบตัวกับตำรวจที่บ้านของแม่ โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวไปยัง สภ.วังน้ำเย็น สอบสวนในเบื้องต้น ก่อนคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ สอบปากคำอย่างละเอียด อีกครั้ง

ส่วนมูลเหตุจูงใจก่อเหตุนั้น นายมนตรีสารภาพว่า แอบชอบผู้เสียหายมานาน ก่อนก่อเหตุเสพยาบ้ามา 2 เม็ด หลังจากช่างมาซ่อมกุญแจห้อง ผู้เสียหายไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ลงมือก่อเหตุโดยไม่ได้ใช้กำลังหรืออาวุธ เพียงผลักผู้เสียหายระหว่างมาเปิดประตูและขู่จะใส่กุญแจมือเท่านั้น

ขณะที่ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ระบุว่า แจ้ง 2 ข้อหาคือ ข่มขืนกระทำชำเรา และบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยนายมนตรีให้การยอมรับกับตำรวจว่าใช้สารเสพติดจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาอย่างละเอียด

ยืนยันไม่ใช่เรื่องมอบตัว แต่เป็นการกดดันจับกุมสำเร็จ

มึนบช.น.รับรองใบสอบประวัติ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวถูกตั้งคำถาม เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัยจะต้องตรวจสอบประวัติ เนื่องจากคนร้ายเคยต้องคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ที่ จ.สระแก้ว เมื่อปี 2556 ซึ่งกฎหมายระบุว่าห้ามรับบุคคลใด ที่ต้องโทษคดีความผิดทางเพศ เข้าทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย หากบริษัทรักษาปลอดภัยไม่ตรวจสอบประวัติย้อนหลังกับผู้ที่มาสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็จะเข้าข่ายมีความผิด

ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. โฆษกบช.น. ชี้แจงว่า ผู้ต้องหาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง ทางบริษัทมายื่นขอใบอนุญาตกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 10 ต.ค.62

โดยในปี 62 นั้น มีบริษัทรักษาความปลอดภัยมายื่น 90 บริษัท มีพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสิ้น 4,530 คน ผู้ต้องหามีรายชื่ออยู่ลำดับที่ 993 และ บช.น.ออกใบอนุญาตไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.62

การออกใบอนุญาตไม่ใช่ใบรับรองความประพฤติ แต่เป็นกรณีรับรองว่ามีคุณสมบัติที่สามารถปฏิบัติงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยได้เท่านั้น

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าขาดคุณสมบัติ ก็จะต้องเพิกถอนใบอนุญาต คล้ายๆ กับกรณีได้รับใบอนุญาตขับขี่ ก็ไม่ได้เป็นการรับรองความประพฤติของผู้ขับขี่ เมื่อมีเหตุที่ขาดคุณสมบัติ ก็สามารถเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้เช่นเดียวกัน เมื่อปรากฏว่าผู้ต้องหาขาดคุณสมบัติการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย

ขณะนี้ ผบช.น.ได้เพิกถอนใบอนุญาตของผู้ต้องหาไปแล้ว ในวันที่ 6 ม.ค.65

“ขั้นตอนในการตรวจสอบประวัติอาชญากรของพนักงานนั้น เนื่องจากมี รปภ.ในกรุงเทพมหานครถึง 100,000 คน ในทางปฏิบัติจึงมอบหมายให้แต่ละบริษัทนำพนักงานไปตรวจสอบประวัติที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร เมื่อผลการตรวจเสร็จเรียบร้อย กองทะเบียนประวัติจะแจ้งเป็นหนังสือให้กับทางบริษัทโดยตรง หลังจากนั้นแต่ละบริษัทรวบรวมเอกสารมาเสนอที่บช.น. ตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยจึงเสนอออกใบอนุญาต

จากข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ต้องหามีประวัติถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับเพศ ที่ จ.สระแก้ว เมื่อปี 56 และพ้นโทษวันที่ 26 ก.พ.60 เมื่อนับถึงเวลาที่มายื่นขอใบอนุญาต เป็นเวลาประมาณ 2 ปี 6 เดือน ถือว่าเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติที่จะออกใบอนุญาตได้

ผบช.น.สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร่งด่วน แต่เนื่องจากการออกใบอนุญาตเกิดในปี 62 เอกสารมีจำนวนมากอยู่ระหว่างการตรวจสอบต้นเรื่องเพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นความบกพร่องมาจากส่วนไหนกันแน่

รอดูผลพิสูจน์ว่าใครกันแน่บกพร่องผิดพลาด จนเกิดความเสียหายกับประชาชนเช่นนี้!!!

จับตัวสำเร็จ

จนท.ลุยล่า

นิติบุคคลชี้แจงตร.

วงจรปิดนาทีก่อเหตุ

มนตรี

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน