สดจากสนามข่าว – งานแต่งงานสำหรับสังคมที่เป็นครอบครัวขยายอย่างในสังคมไทย ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้น หากแต่เกี่ยวพันถึงหน้าตาของคนเป็นพ่อแม่โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าสาว ที่หากสินสอดทองหมั้นสูงถึงหลักล้านก็เป็นหน้าเป็นตาว่าเลี้ยงลูกได้ดีมีสามีที่ร่ำรวย
แต่ในยุคปัจจุบันคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำอย่าว่าแต่ค่าสินสอดหลักล้านเลย หลักแสนก็ยังเป็นเรื่องยาก
ธุรกิจเช่าสินสอดจึงเป็นช่องทางเข้ามาซัพพอร์ตตรงนี้ แต่ที่สำคัญคือทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องรับรู้ด้วยกัน ไม่ใช่รู้เห็นฝ่ายเดียวจนสุดท้ายกลายเป็น คดีสินสอดอลเวง
พ.ต.อ.เอนก จันทร์สอน รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร กับช่างภาพหนุ่ม
ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tana Nop ซึ่งเป็นช่างภาพงานแต่งงาน โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองและทีมงานเพื่อเตือนภัยเพื่อนร่วมอาชีพ โดยระบุว่า ไปถ่ายงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว ปรากฏว่าเงินสินสอด 1 ล้านบาทหายไป และถูกลูกค้ากล่าวหาว่าเป็นคนขโมยเงินไป พร้อมแจ้งความเอาผิดให้รับผิดชอบ ขณะที่ทีมออร์แกไนซ์ที่เข้าไปจัดงานต่างก็ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินที่หายไปเช่นกัน
นายธนา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี อาชีพช่างภาพ อาศัยอยู่ใน จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นผู้โพสต์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น วันที่ 25 มี.ค. 65 ก่อนหน้านี้ออแกไนซ์ที่ทำงานด้วยกัน ติดต่อมาให้ไปถ่ายรูปงานแต่ง ตนไปถึงประมาณ 6 โมงเช้า ก็เริ่มถ่ายงาน จนเสร็จงานประมาณ เที่ยงกว่าๆ ตนเดินขึ้นไปเก็บอุปกรณ์บนบ้านบริเวณที่จัดงาน และก็เดินทางกลับบ้าน
ต่อมาประมาณ 16.00 น. ออแกไนซ์โทรมาแจ้งว่า พวกเราต้องไปให้ปากคำตำรวจ “สินสอด 1 ล้าน หายไป เขาสงสัยพวกเราโดยเฉพาะพี่ที่ขึ้นไปเก็บอุปกรณ์บนบ้าน เขาสงสัยพี่มากเลย” หลังฟังเสร็จตนก็รีบกลับไปที่งานแต่ง ก็เห็นตำรวจและแขกในงาน แม่ของเจ้าสาวก็เดินมาหา ตอนแรกเขาจำตนไม่ได้ ถามว่า “มากินหมูกันเหรอ” ตนก็ตอบไปว่า “ผมเป็นทีมงานออแกไนซ์” จากนั้นเขาก็มองหน้าและพูดว่า “มาแล้วเหรอ เงินมันหายไปแล้ว จะเอายังไง” ซึ่งเขาพูดเสียงดัง ตรงนั้นคนก็เยอะ ตนรู้สึกอาย ตกใจ เสียใจและโกรธเหมือนกัน ที่ทำงานให้เต็มที่ เหนื่อยมาทั้งวันต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
นายธนา บอกอีกว่า ตอนที่ขึ้นไปเก็บอุปกรณ์บนบ้าน มีทีมงานออแกไนซ์อยู่ครบเลย ตนไม่ได้อยู่คนเดียว และไม่เห็นว่าเงินสินสอดวางอยู่ตรงไหน ซึ่งระหว่างที่เก็บอุปกรณ์ ตนเห็นมีเพื่อนเจ้าสาว ญาติๆ เดินขึ้นลงตามปกติของการจัดงาน ซึ่งก็ต้องมีคนเดินขึ้นลงอยู่แล้ว แต่ภาพสุดท้ายที่ตนเห็นเงินสินสอด คือวางอยู่บนห่อผ้า ผู้ใหญ่โยนเข้ากล่องดอกไม้ และแม่เจ้าสาวก็แบกขึ้นมา ถ้าเขาเก็บเงินไว้ในห้องนอนจริงๆ ลูกบิดประตูก็ต้องมีลายนิ้วมือของตน ยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินสินสอดไป 100% ตนผ่านงานมาเยอะ เงินพวกนี้ไม่อยากได้ มันเป็นอาชีพต้องมีจรรยาบรรณ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเอาเงิน
หลังเรื่องราวแพร่ออกไปในโลกโซเชียลต่างตั้งข้อสันนิฐานไปหลายทาง หนึ่งในนั้นคือเงินสินสอดดังกล่าวถูกฝ่ายเจ้าบ่าวเช่ามาเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าสาว โดยมีข้อสังเกตจากภาพถ่ายที่ช่างภาพที่ถูกกล่าวหาโพสต์ลงโซเชียล ที่เงินในขันหมากยังถูกมัดเป็นปึกอย่างแน่นหนา ไม่ถูกคลี่ออกระหว่างทำพิธีเหมือนทั่วไป พร้อมให้ข้อมูลเลสราคาค่าเช่าสินสอดด้วยว่าคิดกันในราคา ล้านละ4หมื่นห้า
พ.ต.อ.เอนก จันทร์สอน รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.ท.วุฒิเทพ เพ็ญแสง สวญ.สภ.ทรงธรรม จังหวัดกำแพงเพชร และทีมงานสืบสวน สภ.ทรงธรรม เรียกทุกฝ่ายมาสอบสวนพร้อมทั้งตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็พบว่าหลังงานเลิกได้ล็อกประตูห้องนอนที่เก็บเงินสินสอดเอาไว้ และผู้ที่ถือกุญแจก็มีแค่2คนหนึ่งในนั้นคือเจ้าบ่าว
ตำรวจไล่ไทม์ไลน์-ตรวจข้อมูลโทรศัพท์ ก่อนเรียกคู่บ่าวสาวมาสอบสวน จนสุดท้ายน.ส.แพรม เจ้าบ่าวที่เป็นทอมบอยให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นคนเก็บเงินสินสอด 1 ล้านบาทไปเอง เนื่องจากเป็นเงินสินสอดที่ไปเช่ามาในราคาล้านละ 4 หมื่นบาท โดยที่พ่อแม่ของเจ้าสาวไม่ทราบว่าหลังเสร็จงานต้องนำไปคืนผู้ให้เช่า เมื่อพ่อแม่เห็นว่าเงินหายไปจึงตกใจมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลายเป็นคดีความครึกโครมในสังคม
วันที่ 31 มี.ค. คู่บ่าวสาวเดินทางจากที่พักในจ.สระแก้ว มายังสภ.ทรงธรรม จ.กำแพงเพชร เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพ.ต.อ.เอนกเปิดเผยคำให้การของน.ส.แพรม ว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลา 10.30 น. ได้มอบสินสอดเป็นเงิน 1 ล้านบาทให้พ่อของเจ้าสาว เพื่อสู่ขอตามประเพณี แต่หลังจากที่แม่ของ เจ้าสาวแบกเงินไปเก็บในห้องนอน แล้วล็อกกุญแจห้อง ช่วงบ่ายได้ฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังชุลมุนกับงานเลี้ยงที่ชั้น 1 ขึ้นไปเอาเงินสินสอดบนห้องนอนออกมาโดยไม่ได้บอกพ่อและแม่ของเจ้าสาว เพื่อนำเอาไปคืนให้กับเจ้าของเงินที่ให้เช่ามา
เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเจ้าบ่าวฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางวัน” ก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือ นำตัวส่งศาลแขวงดำเนินคดี
ปิดคดีสินสอดอลเวง
เรื่อง/ภาพ
ธนรัตน์ นครกัณฑ์
