สราวุฒิ ศรีเพ็ชรใส

พิรยุทธ นิ่มนนท์

เรื่อง/ภาพ

ไม่ว่าในยุคสมัยไหน มิจฉาชีพล้วนมีอุบายวิธีการหลอกเหยื่อเพื่อก่อเหตุได้เสมอ ยิ่งในยุคนี้ที่ทหารยังไม่กลับเข้ากรมกอง อะไรจะดีไปกว่าการอ้างตัวว่าเป็นทหารในการก่อเหตุ

ค่ำวันที่ 11 ม.ค. นายรามา ยาดอร์ สัญชาติอินเดีย อาชีพค้าขายเสื้อผ้า อยู่บ้านเลขที่ 113/149 หมู่บ้านคณาทรัพย์ ซอยเจริญพัฒนา 7 แขวงบางชัน เขตบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี ว่าถูกคนร้ายแต่งกายคล้ายชุดทหารใช้อาวุธปืนจี้จากบ้านพัก ให้พาไปกดเงิน รวมทั้งเอาบัตรเอทีเอ็มไปก่อนกดเงินออกไปหลายครั้ง รวมแล้ว 2 แสนกว่าบาท

นายรามาให้การว่า มีอาชีพค้าขายเสื้อผ้า ขณะกำลังพักผ่อนอยู่กับภรรยาและลูกภายในบ้านพัก ในหมู่บ้าน คณาทรัพย์ ซอยรามอินทรา 117 มีชาย 1 คน แต่งกายด้วยชุดทหารลายพราง สวมเสื้อเกราะ พกอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เดินเข้ามาในบ้านพัก พร้อมแจ้งว่ามีคนร้องเรียนว่าตนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยแพงทำผิดกฎหมาย

ตนจึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้าน ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะใช้อาวุธปืนข่มขู่ให้ทุกคนหมอบกับพื้น แล้วเอาโทรศัพท์ออกมาวางไว้แล้วพูดกับตนว่า “ไปกับผม ผมจะพาไปหานาย” ตนจึงให้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปด้วย แต่ระหว่างเดินทางได้ค้นตัวเอาเงินสด 11,500 บาไท บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ โทรศัพท์ 2 เครื่องไป

ต่อมาคนร้ายพาตนไปที่ตู้เอทีเอ็ม และบังคับให้บอกรหัสบัตร ก่อนจะกดเงินออกมา จากนั้นคนร้ายนำตนมาทิ้งลงบริเวณถนนพระยาสุเรนทร์ ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไป

เมื่อตำรวจตรวจสอบบัญชีพบว่า หลังคนร้ายปล่อยตัวนายรามาทิ้งไว้แล้ว ก็เอาบัตรเอทีเอ็มของนายรามาไปกดเอทีเอ็มหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นซอยรามอินทรา 101 ครั้งแรกได้เงินไป 17,600 บาท ครั้งต่อมาไปกดที่หมู่บ้านลินดาปาร์ค ได้เงินไปอีก 180,000 บาท

คดีนี้กลายข่าวใหญ่โตขึ้นมา หลังกระแสข่าวสับสน จนกลายเป็นว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นสารวัตรทหารที่มาคอยรักษาการดูแลบ้านพักของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร เขตมีนบุรี

บ่ายวันที่ 13 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต. สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 ชี้แจงว่า ทหารหน้าบ้านของรองนายกรัฐมนตรีนั้น ตามข่าว ที่ปรากฏเป็นสห. แต่ความจริงแล้วหน่วยเดียวที่รับผิดชอบคือ กองร้อยต่อสู้รถถังที่ 2 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร้อย ตถ.2 พล.ร. 2.รอ.ปราจีนบุรี)

ขณะที่ พ.ต.ณัฐพล ไกรวาส ผู้ควบคุมกำลังกล่าวชี้แจงว่าจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกใบหน้าของ ผู้ต้องหาไว้ได้ ทางกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ขอยืนยันว่า บุคคล ที่อยู่ในภาพดังกล่าวไม่ใช่กำลังพลอย่างแน่นอน

ออกมาชี้แจงหนักแน่นขนาดนี้ ทางที่ จะพิสูจน์ได้ก็มีอยู่ทางเดียวคือต้องเร่งจับกุมตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว ชุดสืบสวนของทั้งนครบาล สืบบก.น.3 สืบโรงพัก ถูกระดมลงพื้นที่ไล่เช็กกล้อง วงจรปิดกันจนตาแฉะ

จนเมื่อวันที่ 19 ม.ค. พล.ต.ต. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผบก.สส. บช.น. พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.น.3 ชุดสืบกก.สส.บก.น.3 ก็ร่วมกันจับกุมตัว นายพีระพัฒน์ บุญคง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1 ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งบนถนนอิสรภาพ ฝั่งธนบุรี พร้อมของกลาง ชุดทหาร เสื้อเกราะอ่อน หมวกกันน็อก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก กระสุนปืนลูกแบงก์ ขนาด 380 จำนวน 5 นัด วิทยุสื่อสาร และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนลงมือ ก่อเหตุ โดยไม่ได้เป็นทหาร แต่ มีอาชีพขายกระเป๋าแฟชั่น ที่ตลาดมหาชัย ผู้ต้องหาอ้างว่า เมื่อ 1 ปีก่อนเคยไปแทงพนัน โต๊ะบอลย่านเมืองปทุมธานี ปรากฏว่าถูกโต๊ะบอลเบี้ยว ไม่จ่ายจึงแค้น จากนั้นไปเอาชุดของญาติที่เป็นทหารมาใส่ไป ตบทรัพย์โต๊ะบอลเพื่อเอาเงินหลักแสน เพราะโต๊ะบอล เป็นธุรกิจสีเทา และเห็นว่าส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะเกรงกลัว และไม่แจ้งความ ทำให้ย่ามใจก่อเหตุอีกหลายครั้งตาม โต๊ะบอลต่างๆ

ส่วนเหยื่อล่าสุดที่ตัดสินใจชิงทรัพย์นั้นตนได้ถามชาวบ้านพบว่าออกเงินกู้ จึงวางแผนอุ้มไปตบทรัพย์ เพราะคิดว่าผู้เสียหายจะไม่กล้าแจ้งความเหมือนรายก่อนๆ

เมื่อตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเจ้าตัวเคยก่อเหตุมาแล้ว 14 คดี ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน สภ.บางพลี สมุทรปราการ จ.สมุทรสาครและอีกหลายพื้นที่

อีกทั้งเคยก่อเหตุเข้าไปข่มขู่โต๊ะพนันบอลที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้กลอุบายคำพูดว่า “นี่ทหาร หยุด หมอบลงให้หมด” จนทำให้คนในโต๊ะบอลที่มีจำนวน 30 คน ยังต้องหมอบลงหมด เนื่องจากหวาดกลัว

ขณะที่ชื่อและนามสกุลหนุ่มแสบดันไปคล้องกับผู้กำกับตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นชื่อปลอม เจ้าหน้าที่จึงจะต้องสืบสวนหาความจริงต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน