หนึ่งฤทัย หนูสวัสดิ์

เรื่อง/ภาพ

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ช่วยให้การสืบสวนติดตามตัวคนร้ายสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดไม่ต่างกับตาวิเศษ ที่แม้นว่าในปัจจุบันจะยังไม่ทันสมัยครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ แต่มันก็ช่วยให้จำกัดวงในการค้นหาตัวคนร้าย ทำให้ชุดสืบสวนไม่ต้องเหวี่ยงแหหาข้อมูล สิ้นเปลืองทั้งกำลังคน งบประมาณและเวลา

ล่าสุดเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 6 ก.พ. เกิดคดีฆ่าโหดหญิงสาว ทิ้งศพเปลือยอยู่ในป่าละเมาะริมถนนในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งแน่นอนว่าดึกดื่นขนาดนั้นย่อมไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ แต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนจนจับกุมคนร้ายได้หลังพบศพไม่ทันข้ามวัน ก็ด้วยอาศัยภาพจากกล้องวงจรปิดนั่นเอง

ย้อนไปเมื่อช่วงเวลาดังกล่าว ร.ต.ท.กนกวรรณ วุฒิเกษมกิจ รองสว. (สอบสวน) สภ.เมือง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุพบศพ ผู้หญิงถูกฆ่าทิ้งศพเปลือยอยู่ในป่าละเมาะริมถนนในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เทอดไทย สุขไทย รอง ผกก.สส. ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร ร.พ.ศูนย์เจ้าพระยายมราชและหน่วยกู้ภัยสมาคมกู้ภัยเณรแก้วทางหลวงสุพรรณบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะริมถนน พบศพหญิงสาววัยกลางคนสภาพเปลือยกาย มีบาดแผลถูกของมีคมปาดคอ ลำตัวและหน้าอก รวม 4 แผล ใกล้ศพมีเสื้อผ้า ชุดชั้นในถูกถอดทิ้งไว้ นอกจากนั้นยังมี รองเท้ายางสีเขียว 1 ข้าง ถุงลูกชิ้น ขวดน้ำพลาสติก เคียวเกี่ยวหญ้า ไฟฉายติดศีรษะ 1 อัน ที่ยังเปิดมีแสงสว่างอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ตำรวจตรวจสอบจนทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ใจ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ขณะที่แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง

สอบสวนผู้พบศพคนแรกให้การว่าช่วงกลางดึกออกมาตกเบ็ดใกล้จุดเกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงนกแสกร้องอยู่แถวนั้นจึงเดินมาดู ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นศพหญิงสาวนอนเปลือยอยู่ จึงรีบวิ่งไปแจ้งเพื่อนบ้านและโทร.แจ้งตำรวจรีบมาตรวจสอบ

ขณะที่พี่ชายผู้ตายซึ่งเมื่อทราบข่าวก็รีบมาที่เกิดเหตุให้การว่า น้องสาวหายตัวไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนมาพบเป็นศพ น้องสาวเป็นคนโสดแยกตัวมาเช่าห้องข้างนอกคนเดียวและชอบพกเงินติดตัวตลอด เคยมีคนเล่าให้ฟังว่ามีเงินติดตัวถึงหลักหมื่น นอกจากนี้น้องสาวยังชอบปั่นจักรยาน บางทีตอนมืดค่ำก็ปั่นไปทั่วหมู่บ้านจนชาวบ้านแถวนั้นรู้จักกันดี ไม่คิดว่าจะมาถูกฆ่าอย่างโหดร้ายแบบนี้

หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.เทอดไทย สุขไทย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี พร้อมชุดสืบสวน บก.สส.ภ.7 ร่วมประชุมเพื่อคลี่คลายคดี พร้อมไล่ตรวจเช็กกล้อง วงจรปิดทั่วบริเวณที่เกิดเหตุ จนกระทั่งพบภาพในกล้องตัวที่ติดอยู่บริเวณหน้าศูนย์ราชการแห่งที่ 2 ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 กิโลเมตร

ในภาพเห็นว่าผู้ตายขึ้นซ้อนรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดง ทะเบียน 1 กง 3348 สุพรรณบุรี ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะมากลายเป็นศพ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกระทั่งพบว่ารถจยย.คันดังกล่าว เป็นของนายเปล่ง เรือนปานแก้ว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

เจ้าหน้าที่ไม่รอช้ารีบตรวจสอบจนทราบว่านายเปล่งเป็นลูกจ้างร้านขายของชำแห่งหนึ่งในละแวกจุดเกิดเหตุ จึงเชิญตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือสังหารผู้ตาย เนื่องจากต้องการเงินจากผู้ตายเท่านั้น เจ้าตัวเผยว่ารู้จักกับผู้ตายมานานเนื่องจากผู้ตายเป็นลูกค้าประจำที่ร้านขายของชำซึ่งตนเป็นลูกจ้างอยู่ และมักจะพกเงินในกระเป๋าครั้งละมากๆ นับหมื่นบาท จึงทำทีเข้าไปตีสนิทกระทั่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน

ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่เลิกงานแล้ว ก็ได้วางแผนชวนผู้ตายไปมีเพศสัมพันธ์กัน โดยนัดแนะไปรับผู้ตายบริเวณริมถนนสายโพธิ์เขียว หน้าศูนย์ราชการแห่งที่ 2 จากนั้นก็พาผู้ตายมายังป่าละเมาะจุดเกิดเหตุและวางแผนลวงให้ผู้ตายมีเพศสัมพันธ์ด้วย ในขณะที่ผู้ตายถอดเสื้อผ้าตนก็พยายามจะหยิบกระเป๋าเงิน แต่ผู้ตายเห็นเข้าเสียก่อนจึงต่อสู้ขัดขืน

นายเปล่งเล่านาทีลงมือสังหารโหดว่า ตนใช้มีดที่เตรียมมาจ้วงแทงเข้าที่ท้องหลายครั้งจนผู้ตายแน่นิ่งไป แต่ตอนนั้นเกรงว่าจะไม่ตายจึงใช้มีดปาดคอซ้ำจนแน่ใจว่าตายสนิทแล้ว ก็คว้ากระเป๋าเงินและหลบหนีกลับไปที่บ้าน แล้วนำมีดและกระเป๋าเงินไปทิ้งที่บริเวณริมคลองห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร

หลังจากนั้นก็กลับบ้านอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และนำเสื้อผ้าที่ใส่ไปเผาไฟทิ้งที่บ้าน ส่วนเงินที่ได้มาก็เอาไปซ่อนที่ดงบอระเพ็ดริมรั้วข้างบ้าน ก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติกระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปเพราะต้องการนำไปรักษาภรรยาที่ป่วยหลายโรค

ต่อมาพ.ต.อ.อภิชิตพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายเปล่งไปชี้จุดที่ซ่อนอาวุธและจุดซ่อนเงินรวมถึงจุดที่เผาเสื้อผ้าตามที่ให้การรับสารภาพ โดยที่จุดแรกพบมีดที่ใช้ลงมือสังหารและกระเป๋าที่ใส่เงินของผู้ตาย ส่วนจุดที่ 2 บริเวณข้างรั้วบ้านพบเงินเป็นธนบัตรจำนวนมากอยู่ในถุงพลาสติก 1 ถุง และที่บริเวณริมคันนาหลังบ้านพบถุงเงินเป็นเหรียญบาทอีก 1 ถุง ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งซ่อนอยู่ภายในบ้านนายเปล่งนั่นเอง

ขณะที่ตำรวจพาไปค้นหาหลักฐานชาวบ้านที่ทราบข่าวก็มายืนดูหน้าฆาตกร ทั้งรุมด่าทอสาปแช่งถึงความเหี้ยมโหดในการก่อเหตุครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน