แฟ้มคดี

เป็นประเด็นอื้อฉาวที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย

สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า บุกเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอ อิตาเลียนไทย

ขณะตั้งแคมป์พักแรมอยู่ในจุดหวงห้าม กลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

เมื่อเข้าตรวจค้นก็ต้องตะลึง เมื่อพบกับอาวุธเต็มพิกัด ทั้งปืนยาวและปืนไรเฟิล รวมทั้งเครื่องกระสุนจำนวนมาก

อีกทั้งยังพบซากสัตว์ทั้งเก้ง ไก่ป่า และเสือดำ ถูกถลกหนัง ชำแหละอย่างเลือดเย็น

จึงควบคุมตัวดำเนินคดีที่สภ.ทองผาภูมิ

ขณะที่นายเปรมชัย ให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ยืนยันไม่ใช่ปืนของตัวเอง และที่เข้ามาก็เพื่อพักผ่อน

ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เรียบร้อย!??

จึงเป็นที่มาของข้อสงสัยว่า นายเปรมชัย เป็นแขกวีไอพีของใครหรือไม่

และมีเจ้าหน้าที่ หรืออดีตเจ้าหน้าที่คนไหน อำนวยความสะดวกให้เจ้าสัวใหญ่ เข้าไป “พักผ่อน” ในป่าอย่างสะดวกโยธิน

รวบเจ้าสัวคาป่าทุ่งใหญ่

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก.พ. เมื่อเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ควบคุม นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี ชาวราชบุรี นางนที เรียมแสน อายุ 45 ปี ชาวนครราชสีมา และ นายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี ส่งดำเนินคดี ที่สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

หลังจากที่สามารถจับกุมได้บริเวณห้วย ปะชิ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก พร้อมของกลาง ปืนไรเฟิล ขนาด .30-06 ติดกล้อง ปืนไรเฟิล .22 ติดกล้อง ปืนลูกซองแฝด เบอร์ 20 กระสุนปืนขนาด .30-06 จำนวน 7 นัด กระสุนปืน .22 จำนวน 114 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 4 นัด

กระสุนปืนลูกซอง 2 แรงครึ่ง 13 นัด กระสุนปืนลูกซอง 1 แรง จำนวน 4 นัด เข็มขัดบรรจุกระสุนปืนลูกซอง และน้ำมันล้างปืน

นอกจากนี้ยังพบซากสัตว์ป่าจำนวนมาก ประกอบด้วยซากเสือดำชำแหละแล้ว 1 ตัว น้ำหนัก 10.6 ก.ก. หนังเสือดำยาวจากหัวถึงสะโพก 83 ซ.ม. หนังเสือดำชำแหละแล้ว 1 ผืน หนัก 2.6 ก.ก. ความยาวจากหัวถึงหาง 1.48 ม. ซากไก่ฟ้าหลังเทา 1 ตัว หนัก 0.6 ก.ก. และเนื้อเก้ง ทั้งหมดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

โดยการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 3 ก.พ. นายเปรมชัย และพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยว โดยใช้รถโฟร์วีลส์ผ่านเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก จากหน่วยพิทักษ์ป่า ทิคอง หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ซึ่งเป็นเส้นทางที่เปิดให้นักท่องเที่ยว

ต่อมาวันที่ 4 ก.พ. เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ว่าพบคณะนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์ที่ริมห้วยปะชิ ซึ่งเป็นจุดหวงห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปตั้งแคมป์

จากนั้น นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพบอาวุธปืน ซากไก่ฟ้า และเก้ง จึงคุมตัวนายเปรมชัย พร้อมของกลางมาที่สำนักงานเขต เมื่อเวลา 02.40 น. วันที่ 5 ก.พ.

ก่อนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกรอบ พบซากเสือดำถูกชำแหละ และเครื่องกระสุนจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ที่แคมป์พักแรม

จึงคุมตัวส่งดำเนินคดี

เผยนาทีจับ-เจอยิงปืนจะจะ

ด้านนายวิเชียร หัวหน้าชุดจับกุม เปิดเผยถึงนาทีจับกุมว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.พ. เจ้าหน้าที่พบกลุ่มคนเข้าไปกางเต็นท์ในจุดห้าม จึงเข้าไปพูดคุยแนะนำ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ชุดลาดตระเวนจึงวิทยุแจ้งหน่วย ตนจึงให้รองหัวหน้าเขตฯ เข้าไปพูดคุย แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเช่นเดิม

เจ้าหน้าที่จึงเดินตรวจสอบจุดกางเต็นท์ ระหว่างนั้นมีเสียงปืน จึงเข้าไปตรวจสอบพบชายคนหนึ่งกำลังเล็งปืนไปที่สัตว์ป่าที่หากินบนยอดไม้ จึงแจ้งให้หยุด แล้วคุมตัวมารวมกับชายที่กางเต็นท์ ระหว่างนั้นพบปลอกกระสุนลูกซองและเศษชิ้นเนื้อคล้ายเครื่องในสัตว์กองอยู่ พร้อมถุงใส่เกลือ จึงเอะใจเพราะปกติเกลือไม่น่าตกอยู่ในป่า

จึงสันนิษฐานว่ากลุ่มดังกล่าวน่าจะเข้ามาล่าสัตว์ เมื่อให้เปิดกระเป๋าและกระติกน้ำแข็ง พบซากไก่ฟ้า เนื้อหมูป่า ค้นตัวชายคนหนึ่งก็พบปืน จึงเชื่อว่าไม่ได้มาเที่ยวศึกษาเส้นทางธรรมชาติแน่ จังหวะนั้นดึกและมืด จึงคุมตัวมาที่สำนักงานก่อน กระทั่งเช้าไปตรวจเพิ่ม จึงเจอซากเสือดำ

“ระหว่างจับกุมนั้นไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่โตมีชื่อเสียง ป่าทุ่งใหญ่ก็เป็นมรดกโลก ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาเจอคนที่มีชื่อเสียง แต่เมื่อจับกุมตัวมาแล้วก็ไม่ได้วิตก หรือเกรงกลัวกลุ่มใดเข้ามากดดัน หรือแทรกแซงการทำงาน ส่วนตัวแล้วไม่ได้หวั่นไหว เชื่อว่าเจ้าหน้าที่และทีมงานทุกคนก็ต้องการที่จะอยากเห็นภาพนี้ ภาพที่เกิดขึ้น และการทำงานรักษาป่า อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ไม่ได้จับกุมเฉพาะชาวบ้านเท่านั้น แต่คนที่มีความพร้อม หรือมีฐานะทางการเงินที่ดี เมื่อพลาดเข้ามากระทำผิด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุม การปฏิบัติก็ต้องเท่าเทียมกันกับชาวบ้าน หรือประชาชนทุกคน”

เป็นคำยืนยันของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

ฟัน 9 ข้อหา-ค้นบ้านเจอไรเฟิล

ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ สอบสวนดำเนินคดี 9 ข้อหา 1.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่ง ซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต

4.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มา 6.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่า หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 7.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

8.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต และ 9.ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลทองผาภูมิ อนุมัติให้ประกันตัวในวงเงินคนละ 1.5 แสนบาท

ขณะที่ นายวิทูล แย้มพราย ทนายของนายเปรมชัย ยืนยันว่าการเข้าป่าของนายเปรมชัย เป็นแค่การเข้าไปพักผ่อน โดยขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว มีการอนุญาตชัดเจน ส่วนที่ไปพักแรมที่จุดหวงห้ามก็เพราะไม่ชำนาญทาง อีกทั้งเป็นเวลากลางคืน กลัวว่าจะอันตราย เลยตั้งแคมป์พักอยู่จัดที่มีแหล่งน้ำ

ด้านนายเปรมชัยให้การว่าไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์ ขณะที่ปืนก็ไม่ใช่ของตนเอง

ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. ตร.บก.ปทส. นำหมายค้นจากศาลเข้าตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย ภายในซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนทั้งหมด 43 กระบอก เป็นปืนยาว 41 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก

ส่วนปืนไรเฟิลมีบางกระบอกติดกล้อง ลักษณะเป็นปืนล่าสัตว์ เป็นปืนลักษณะเดียวกับที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งงาช้าง 4 กิ่ง

เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

สั่งตม.จับตา-หึ่งเผ่นนอก

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ ก็มีกระแสข่าวที่ระบุว่านายเปรมชัย เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพร้อมอาวุธครบมือได้เพราะเป็นแขกวีไอพีของบิ๊กกรมอุทยานแห่งชาติ

ซึ่งกรณีนี้ นายวิเชียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่ฯ ให้การว่าเป็นคนทำเรื่องอนุญาตให้นายเปรมชัยเข้าไปในพื้นที่ โดยไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท และค่าธรรมเนียมยานพาหนะ 30 บาท รวม 110 บาท เนื่องจากได้รับการประสานจากผู้อำนวยการ ให้ทำเรื่องอนุญาต และงดเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อไปศึกษาธรรมชาติ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ระบุว่าจากการสอบสวน พบว่านายเปรมชัย มีความพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน จึงเตรียมแจ้งข้อหานายเปรมชัย และพวกฐานให้สินบนเจ้าพนักงานอีกข้อหาหนึ่ง

ขณะที่ ดร.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจาก นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ซึ่งปัจจุบันไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทอิตาเลียนไทย ทางโทรศัพท์ บอกว่านายเปรมชัย และพวกอีก 3 คนขออนุญาตเข้าค้างคืนในทุ่งใหญ่ฯ 2 คืน เพื่อศึกษาธรรมชาติ เพราะนายเปรมชัย ชอบเข้าป่า รักธรรมชาติ จึงให้ไปประสานกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมแจ้งในพื้นที่ว่าจะมีชุดนี้เข้าไป แต่ต้องทำตามระเบียบ

“ติดต่อกับนายนพดล 3 ครั้ง ทำหน้าที่ประสานงานให้เท่านั้น เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการอนุญาต รู้สึกท้อแท้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม แถมดิฉันยังถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุน แต่ยืนยันไม่มีใคร รู้เห็นเป็นใจให้ใครเข้าไปล่าสัตว์แน่นอน”

อย่างไรก็ตามในทางคดี หลังจากที่นายเปรมชัยได้ประกันตัวก็หายตัวไป ล่าสุดเจ้าหน้าที่ประสานไปยังด่านตม.ทั่วประเทศ

ให้จับตาหากมีการหลบหนีออกนอกประเทศ หลังมีกระแสหลบหนีเข้าพม่า

ยันไม่มีการปล่อยปละละเลยแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน