ชำนาญ ใจเอื้อ

เรื่อง/ภาพ

อาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นอาชีพที่ต้องเสี่ยงภัยอยู่ทุกวัน ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะมาเจอกับเหตุการณ์อะไร หรือเย็นนี้จะได้มีโอกาสกลับไปกินข้าวกับเมียกับลูกหรือไม่ ตำรวจอาชีพทุกนายล้วนรู้ดีอยู่เต็มอก แต่ทุกนายก็เต็มใจเสี่ยงภัยเพื่อหน้าที่และปณิธาน

ดังเช่น ร.ต.อ.อิสระพงษ์ กุลจินดา รอง สวป.สภ.หนองขาม ตำรวจน้ำดีอีกนายที่ต้องมาจบชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ก.พ. พ.ต.ต. สมพงษ์ วงษ์ธาดา สารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อาสาฯถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณบ้านเลขที่ 207/275 หมู่ 11 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.หนองขาม พ.ต.ท.มนตรี ชูยิ่ง รองผกก.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านสูง 2 ชั้น เปิดเป็นร้านขายของชำ ที่บริเวณชั้นล่างของตัวบ้านพบ ร.ต.อ.อิสระพงษ์ กุลจินดา รอง สวป.สภ.หนองขาม ถูกยิงที่สะบักหลังขวา นอนจมกองเลือดอยู่ ใกล้กันพบ นายศุภสิทธิ์ หม่องเลี้ยง อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา ชุดปราบปรามพิเศษ สภ.หนองขาม ถูกยิงที่บริเวณหน้าท้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

เจ้าหน้าที่รีบนำทั้งคู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง แต่ ร.ต.อ.อิสระพงษ์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากกระสุนปืนถูกเข้าบริเวณกระดูกไหปลาร้า ทำให้กระดูกหักมาทิ่มเข้ากับหัวใจจนเสียชีวิตในที่สุด

ย้อนกลับไปที่จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนตกอยู่ 2 ปลอก รถจยย.ฮอนด้า สกูปี้ไอ สีแดง หมายเลขทะเบียน 31-5261 สภ.ศรีราชา รถจยย.ฮอนด้า ทะเบียนตราโล่ 62780 และทะเบียนตราโล่ 62782 จำนวน 2 คัน

ตำรวจระดมกำลังกว่า 50 นาย ปิดล้อมจับกุมคนร้ายทราบชื่อคือ นายนิรุต จิตหมั่น อายุ 39 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้องชั้น 2 ของตัวบ้าน พร้อมด้วยอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และขนาด 9 ม.ม. อีก 1 กระบอก

จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายนิรุตนั่งดื่มสุราอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่จะนำอาวุธปืนออกมาโชว์กร่างใส่ชาวบ้าน จนชาวบ้านในละแวกดังกล่าวต่างหวาดระแวงกลัวปืนลั่นใส่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบและระงับเหตุ

ภายหลังแจ้งเจ้าหน้าที่สายตรวจพร้อมด้วยนายศุภสิทธิ์ หม่องเลี้ยง อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาเดินทางมาตรวจสอบ แต่นายนิรุตกลับโวยวายไม่ยอมให้ควบคุมตัว ซ้ำตรงเข้าชกเจ้าหน้าที่จนเกิดชุลมุนขึ้น สุดท้าย เจ้าตัวชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ถูกเข้าที่ท้องของนายศุภสิทธิ์ จากนั้นจึงถือปืน 2 กระบอกวิ่งหลบหนีขึ้นไปบนบ้าน

ต่อมา ร.ต.อ.อิสระพงษ์ ซึ่งเข้าเวร 20 เดินเข้าไปตรวจสอบและเจรจาเกลี้ยกล่อม เนื่องจากไม่ต้องการใช้ความรุนแรงจนเกิดความสูญเสีย ร.ต.อ.อิสระพงษ์พยายามเจรจาให้นายนิรุตยอมมอบตัว ขณะเดียวกันก็จ้องหาจังหวะเข้าจับกุม จนเกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ร.ต.อ.อิสระพงษ์ พลาดถูกเหวี่ยงล้มลงก่อนถูกนายนิรุตยิงใส่จนเสียชีวิต ส่วนนายนิรุตก็วิ่งขึ้นไปหลบอยู่ในบ้าน

กำลังเจ้าหน้าที่คุมเชิงพร้อมพยายามเจรจาอยู่นานแต่ ไม่เป็นผล ท้ายสุดตำรวจจึงให้แม่และญาติพี่น้องเข้าไปเกลี้ยกล่อมจนในที่สุดเจ้าตัวก็อารมณ์เย็นลงและยอมมอบตัว

พ.ต.อ.รณชัย จินดามุข รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สีห์ศักดิ์ สร้อยศรี รองผบก. ร่วมกันสอบสวนนายนิรุต ก่อนจะพบลูกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 10 นัด ยาเคตามีน 1 ถุงเล็ก และอุปกรณ์การเสพ อยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายนิรุต ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว

พ.ต.อ.รณชัยเผยว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาก่อนจะเกิดเหตุ ขณะนี้ถูกแจ้งรวม 6 ข้อหาประกอบด้วย ขัดขืนต่อสู้เจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, ฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, พยายามฆ่าผู้ช่วยเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, พกพาอาวุธโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนในพื้นที่สาธารณะ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1

ขณะที่ ส.ต.ต.วงศ์หิรัญ อำนาจเจริญ ตำรวจชุดปราบปรามพิเศษ ซึ่งเข้าจับกุมคนร้ายร่วมกับ ร.ต.อ.อิสระพงษ์ เปิดเผยว่า ผู้กองอิสระพงษ์เป็นคนดี รักลูกน้องทุกคน และเป็นคนเก่งพร้อมลุยงานเสมอ ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยสักคำ ตั้งแต่ทำงานมา รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียดายตำรวจดีๆ ต้องมาตายเพราะคนเมาและพกอาวุธปืน

ศพของร.ต.อ.อิสระพงษ์ ญาติได้นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีรัตนาราม หรือวัดบ่อหิน ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ในส่วนของการเยียวยาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสวัสดิการให้เป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมเลื่อนชั้นยศจาก ร.ต.อ. เป็น พล.ต.ต. ส่วนทายาทของร.ต.อ.อิสระพงษ์ จะได้รับสิทธิ์ในการเข้ารับราชการเป็นตำรวจต่อไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็น อย่างมาก ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งให้มีการทบทวนยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุลักษณะดังกล่าว เพื่อป้องกันการสูญเสียในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน