“อดิศร จิตตเสวี”

“ชาญพงศ์ บุญอุทิศ”

เรื่อง/ภาพ

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. ร่วมกันแถลงผล การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ผู้ต้องหาทั้งหมด 37 คน เป็นคนไต้หวัน 6 คน เป็นคนไทย 26 คน และเป็นคนกัมพูชา 5 คน

คดีนี้ไม่ใช่การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหมือนที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยคราวนี้ “บิ๊กโจ๊ก”นำทีมตำรวจไทยบินไปประสานงานกับทางการกัมพูชา ร่วมมือกันนำกำลังบุกเข้าจับกุมทั้งหมดถึงกลางกรุงพนมเปญ

เบื้องหลังคดีดังกล่าว เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นหรือกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศป.ฉปทน.)” โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นรอง ผอ.ศูนย์ฯ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการได้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังต่อเนื่องมาโดยตลอด

ก่อนการเข้าจับกุมแก๊งคอลฯ ข้ามชาติครั้งนี้ ชุดปฏิบัติการของ ศป.ฉปทน.ตร. สืบสวนจนทราบพิกัดของกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายนายเฉิน หยวน ไข่ ชาวไต้หวันและกลุ่มชาวมาเลเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยตั้งถิ่นฐานที่ประเทศไทย ก่อนที่จะถูกตำรวจไทยจับกุมตัวได้ ต่อมาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งหลังจากการได้ประกันตัวได้หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ยังมีพฤติกรรมก่อเหตุเช่นเดิม

ชุดปฏิบัติการสืบสวนจนทราบพิกัดแน่ชัดว่ามาตั้งฐานที่มั่นในกรุงพนมเปญเพื่อทำคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวไทย จึงประสานขอความร่วมมือกับรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนของกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือในการเข้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว

วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยประกอบด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 บช.ทท., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.บช.น., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย ผกก.สภ.โคกกลอย จว.พังงา ภ.8, พ.ต.อ.อนุชา สุทธยดิลก ผู้ช่วยทูตตำรวจ ประจำประเทศกัมพูชา พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5

เดินทางเข้าพบรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนของกัมพูชา เพื่อร่วมหารือแนวทางการทำงาน ก่อนบูรณาการกำลังร่วมกับทางการกัมพูชาเข้าทลายเครือข่ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ 3 จุด

โดยจุดแรก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พ.ต.อ.อาชยน พ.ต.อ.พนัญชัย พ.ต.อ.นิธิธร นำกำลังตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชาเข้าตรวจสอบโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่งกลางกรุงพนมเปญ จากการตรวจค้นพบอุปกรณ์และคนเฝ้าดูแลชาวกัมพูชาจำนวน 2 คน โดยพบอุปกรณ์ซึ่งประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอกสารบัญชีรายชื่อ ซึ่งถูกบันทึกไว้ว่ามีการโทร.เข้า-ออกจำนวนมาก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผล เข้าจุดที่ 2 ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 3 ก.ม. เป็นบ้านเช่าหรูขนาดใหญ่ พบผู้ต้องหาชาวไต้หวัน 4 คน คนไทย 25 คน และกัมพูชา 3 คน พร้อมอุปกรณ์ ประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอกสารบัญชีรายชื่อ ซึ่งถูกบันทึกไว้ว่ามีการโทร.เข้า-ออก คล้ายกับจุดแรกอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน

ขณะที่จุดที่สาม พ.ต.อ.สถิตย์ พ.ต.ท.ธัชพงศ์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ณ เมืองกัมปงโสม หรือเมืองพระสีหนุ พบผู้ต้องหาชาวไต้หวัน 2 คน ชาวไทย 1 คน โดย 2 ใน 3 คนมีหมายจับอยู่ในประเทศไทยด้วย จากการตรวจค้นพบอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกัน พร้อมเหยื่อซึ่งเป็นคนไทยอีกจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ขณะเข้าจับกุมพบว่าคนไทยที่ถูกจับกุมกำลังโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย เบื้องต้นพบว่าคนไทยทั้งหมดมีทั้งส่วนที่เป็นผู้ร่วมขบวนการโดยสมัครใจ และบางส่วนก็ถูกบังคับให้ทำหน้าที่ โดยกักขังไว้ทั้งให้เสพสารเสพติด บ้างก็ทำร้ายร่างกายเมื่อมีการขัดขืน จึงต้องสอบสวนเพื่อคัดแยกอีกครั้ง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า กัมพูชาเป็นประเทศต้นทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ตั้งฐานปฏิบัติการ โดยร่วมมือกับ ชาวไต้หวัน จีน และมาเลเซีย บังคับคนไทยมาเป็นพนักงานเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน หากใครปฏิเสธก็จะกักขังและทำร้ายร่างกาย ซึ่งพฤติการณ์ก็ไม่ต่างจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศมาเลเซีย สำหรับความเสียหายเบื้องต้นคาดสูงถึง 100 ล้านบาท

“การจับกุมเครือข่ายดังกล่าวถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่ตำรวจไทยเกาะติดอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางการกัมพูชาเพื่อรับตัวมาลงโทษ ที่ผ่านมาตำรวจไทยและกัมพูชาให้ความร่วมมือในการติดตามจับกุมเป็นอย่างดี” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน