ต้องดูว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกหรือไม่ สำหรับการบุกจับผับเถื่อนกลางกรุง ที่แปรสภาพจากอาบอบนวดในตำนาน กลายเป็นคาราโอเกะสุดหรู ที่เปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆ

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานบริการเกินเวลา เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต แถมยังมียาเสพติดไว้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ผับจินหลิง ที่เป็นปฐมบทของการ กวาดล้างทุนจีนสีเทาในประเทศไทย

แม้การดำเนินคดีจะยังไม่จบสิ้น ยังไม่สามารถถอนรากถอนโคน เหลือบไรที่เข้ามาแอบแฝงหาประโยชน์

ก็ยังคงเกิดขึ้นอีก เหมือนไม่ได้แยแสใดๆ

กลายเป็นคำถามว่าทำไมถึงกล้าเช่นนี้ มีใครไฟเขียว ใหญ่ถึงขั้นไหนกัน!??

ล่าสุด ผกก.และรองผกก.สน.มักกะสัน ก็ถูกโยกย้าย แม้จะยังไม่ชัดเจนว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ แต่เรื่องปล่อยปละละเลย ก็คงปฏิเสธไม่ได้

เป็นเรื่องที่ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าผลการสอบสวนจะไปจบที่จุดใด และมีใครต้องรับผิดชอบบ้าง!!








Advertisement

บุกผับหรู

■ บุกทลายผับจีนปาร์ตี้ยา

เหตุการณ์กวาดล้างผับเปิดปาร์ตี้ยาครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. โดยพ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. นำกำลังเข้าตรวจค้น สถานบันเทิงไดมอนด์ เคทีวี ที่ตั้งอยู่ภายในเมรี อาบ อบ นวด ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม.

ผลการตรวจค้น พบนักเที่ยวชาวจีน 48 คน เป็นหญิง 18 คน ชาย 30 คน เปิดห้องคาราโอเกะ 4 ห้อง ปาร์ตี้มั่วสุมเสพยาเสพติด จากการตรวจสอบ พบของกลางยาเสพติด ชนิดโคเคน, เคตามีน, ยาอี, แฮปปี้วอเตอร์ และอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงนำนักเที่ยวทั้งหมดตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด

พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ระบุว่า การบุกจับครั้งนี้เพราะทราบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้เปิดบริการห้องคาราโอเกะสำหรับ นักท่องเที่ยวชาวจีน เปิดกันแบบโต้รุ่ง และยังเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดของนักท่องเที่ยวจีน ไม่อนุญาตให้ นักท่องเที่ยวไทยเข้า ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่มีฐานะ คิดค่าบริการ ห้องคาราโอเกะ ห้องละ 1 แสนบาท เปิดบริการ 6 ชั่วโมง แต่ละห้องมีดีเจส่วนตัวเปิดเพลง มีเด็กเสิร์ฟพิเศษแยกประจำห้อง

“เราใช้เวลาสืบสวนหาข้อมูลมากว่า 2 สัปดาห์ พบสถานบันเทิงแห่งนี้มีลักษณะคล้ายผับจินหลิงที่ถูกบุกจับเมื่อปลายปีก่อน ทั้งนี้พบนักท่องเที่ยวหลายคนมีสารเสพติดในร่างกาย จึงคุมตัวดำเนินคดี และสอบสวนขยายผลว่าสถานบันเทิงจำหน่ายยาเสพติดให้นักท่องเที่ยวหรือไม่ และนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ด้วย”

ขณะที่การสอบปากคำทราบว่า ‘ไดมอนด์ เคทีวี’ ตั้งอยู่ภายในเมรี อาบ อบ นวด โดยในส่วนของอาบอบนวดไม่ได้เปิดให้บริการ ผู้ที่มาเที่ยวไดมอนด์ เคทีวี จะต้องเดินผ่านห้องโถงของเมรีอาบอบนวดเข้าไปข้างในจนสุดทางเดิน

ในส่วนของไดมอนด์ เคทีวี มีไฟแอลอีดีประดับส่องสว่างตามเสา ตกแต่งภายในอย่างทันสมัย ตกแต่งด้วยตุ๊กตานักบินอวกาศ มีทั้งสิ้น 8 ห้องสูท เรียงตามตัวเลขคือ ห้อง 801, 802, 805, 806, 803, 777, 888 และ 999 โดยตอนที่เข้าจับกุมพบแขกใช้บริการอยู่ 4 ห้อง อ้างว่าไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่รู้จักกัน ผ่านร้านอาหารในย่านห้วยขวาง และ มีไกด์แนะนำให้มาเที่ยวที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ยังสั่งอายัดรถหรู 5 คันที่พบที่สถานบริการดังกล่าวไว้ตรวจสอบอีกด้วย และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสถานที่แห่งหนึ่งไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และยังพบชาวไทยที่อ้างเป็นคนดูแลสถานที่ ซึ่งได้แจ้งข้อหาความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน

ยืนยันดำเนินคดีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด

ถอนใบอนุญาต

■ ประเดิมเด้งผกก.มักกะสัน

ทั้งนี้การดำเนินคดี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ระบุว่า ได้ดำเนินการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 56 ราย ไปส่งฝากขังต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยแบ่งคดี ออกเป็นครอบครองยาเสพติด 52 ราย ครอบครองอาวุธปืน 1 ราย และพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต 3 ราย

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสันได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มิ.ย.

ทั้งนี้ ศาลอาญาพิจารณาคำร้องฝากขังและเหตุจำเป็นทั้ง 3 สำนวน อนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้องทั้งหมด โดยศาลอาญาพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แล้วเห็นว่าการกระทำที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำการ ในลักษณะมั่วสุมเพื่อเสพยาเสพติด อันเป็นการกระทำความผิด ที่มีอัตราโทษสูง มีลักษณะเป็นภัยต่อสังคมโดยไม่ยำเกรง ต่อกฎหมาย

น่าเชื่อว่าหากให้ปล่อยชั่วคราวจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

นอกจากนี้ พล.ต.ต.อัฏธพร ลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) บก.น.1 มีคำสั่ง ที่ 206/2566 ลงวันที่ 3 มิ.ย.2566 สั่งการให้ข้าราชการตำรวจ พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.ปุญชรัสม์ โชติ รองผกก. สส.สน.มักกะสัน มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.น.1 นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนกว่าคำสั่งเปลี่ยนแปลง

และมีคำสั่งให้พ.ต.อ.เสนาะ พูนเพชร ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.1 รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผกก.สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.จุณณวัตร พรพนม สว.สส.สน.มักกะสัน รักษาราชการแทนในตำแหน่งรองผกก.สส.สน.มักกะสัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ด้านนายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.เขตห้วยขวาง สั่งติดประกาศคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการภายใน เมรีอาบอบนวด พร้อมระบุว่า สถานที่ดังกล่าวได้รับใบอนุญาต เปิดเป็นอาบอบนวด ซึ่งเป็นกิจการดูแลสุขภาพคล้าย สถานบันเทิง

แต่กลับตรวจพบว่าเปิดให้บริการเกินเวลาและมีการสนับสนุนหรือรู้เห็นให้มียาเสพติด และจำหน่ายสุราอย่างผิดกฎหมาย จึงใช้อำนาจตามประกาศของคสช. เพิกถอน ใบอนุญาตเป็นเวลา 5 ปี และมิให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิให้ ออกใบอนุญาตเป็นเวลา 5 ปี หรือสั่งห้ามใช้อาคารในระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้พบว่าช่วงพ.ค.ที่ผ่านมา มีตัวแทนเป็นคนไทย มาติดต่อ ขอใบอนุญาตเปิดคาราโอเกะ แต่จนท.ตรวจสอบพบอาคาร ป้ายบอกทาง ทางหนีไฟ ไม่พร้อมจึงไม่อนุญาต ก่อนจะพบว่า ลักลอบเปิด

ซึ่งจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณา สืบสวนสอบสวนต่อว่าเกี่ยวกับขบวนการจีนสีเทาหรือไม่อย่างไร

ชูวิทย์แฉต่อ

■ ‘ย้อนคดีจินหลิง-ชูวิทย์แฉ‘ส่วย’

สำหรับการบุกจับผับเถื่อนครั้งนี้ ทำให้ถูกมองย้อนไปถึงเหตุการณ์ทลายผับจินหลิง เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค. 2565 ที่ตร.นครบาลบุกจับผับจินหลิง ย่านยานนาวา ที่ภายใน แบ่งเป็นห้องคาราโอเกะกว่า 20 ห้อง และพบนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก รวมทั้งพบยาเสพติดที่ให้บริการนักท่องเที่ยว อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ที่สำคัญเรื่องดังกล่าวไม่ใช่การจับสถานบริการธรรมดา เนื่องจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง นักแฉคนดัง ก็ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าทั้งหมดมีขบวนการจีนสีเทา อยู่เบื้องหลัง เป็นแก๊งผับศูนย์เหรียญ ที่จ่ายค่าอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ไทยอย่างมือเติบ จนสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากทำ

นำมาซึ่งปฏิบัติการกวาดล้างทุนจีนสีเทา เครือข่ายตู้ห่าว ที่สืบสาวไปเรื่อยก็พบว่าเป็นผู้บริจาคเงินให้พรรคใหญ่ ของรัฐบาล และลามไปถึงเครือข่ายอื่นๆ รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินหลายพันล้าน สะท้อนให้เห็นว่าแก๊งจีนเทาพวกนี้มีอิทธิพลมากขนาดไหน

ส่งฝากขัง

 

ด้านนายชูวิทย์ก็เปิดเผยเครือข่ายผับไดมอนด์ เคทีวี ไว้ว่า เป็นเสมือนจีนเทาภาค 2 ที่เข้ามาทำร้ายสังคมไทย ผับดังกล่าวตกแต่งเหมือนกับจินหลิง โดยมีจีนเทาชื่อ ‘อาจ๋าย’ มาเซ้งเมรีอาบอบนวด ที่กำลังร่วงโรย โดยมีชายเล็ก เอเยนต์ ส่งเด็กรายใหญ่เจ้าเก่าดั้งเดิมแถวย่านเพชรบุรี คอยแนะนำ เอามาปรับปรุงใหม่กลายเป็นไดมอนด์ เคทีวี ตกแต่งเหมือนจินหลิงทุกประการ โดยขาดไม่ได้คือยาเค ยาอี ยาไอซ์ แฮปปี้วอเตอร์ ไว้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน

พร้อมตั้งคำถามถึงบช.น.ว่าเหตุใดปล่อยให้มีผับจินหลิงแล้ว ยังมีไดมอนด์ที่ถอดแบบกันมาเกิดขึ้นอีก หรือจะเป็นเรื่องส่วย ที่ท้องที่รับทราบแต่นายเหนือไม่รู้เรื่อง

พร้อมแฉว่ามีนายตำรวจใหญ่รับเคลียร์เดินเรื่อง มี ‘บังมัด’ ขาใหญ่คลองตันรับหน้าเสื่อ โดยสถานบริการในกทม. มีส่วยบานตะไท เดือนละกว่า 100 ล้านบาท ถ้าใครเถียงว่าไม่มีจะจูงมือพาไปจิ้มให้ดูว่าที่ไหนมีบ้าง อย่างสุทธิสารนี่ระดับมิกซ์ยูส เอากันครบวงจร

จะมีจริงหรือไม่ รอลุ้นผลการสอบสวนว่าหวยจะไปออกที่ใครอีกบ้าง!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน