กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับหลักสูตรอบรม กอส. ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับอบรมเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร

หลังจากที่มีข้อถกเถียงกรณี ร.ต.อ.หญิง ดาวรุ่งพุ่งแรง หรือที่รู้จักกันในนามผู้กองแคท ตำรวจ นักร้อง นางงาม ที่มากความสามารถ

ใช้เวลา 4 ปี เลื่อนถึง 8 ชั้นยศ ว่าเป็นเรื่องปกติ หรือไม่ใช่เรื่องธรรมดา

และแม้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะออกมาชี้แจง อธิบายถึงเงื่อนไขหลักสูตร พร้อมยืนยันถึงความโปร่งใส ว่าการเลื่อนขั้นทุกลำดับชั้น โดยเฉพาะผู้กองแคท ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล

แต่ก็ไม่ได้ทำให้สังคมไว้วางใจมากยิ่งขึ้น แถมยังเรียกร้องให้รังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ที่เคยอภิปรายตั๋วช้าง เข้ามา ตรวจสอบใกล้ชิด

ซึ่งก็มีความห่วงใยเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่ง

จนกระทั่ง ผบ.ตร.ต้องออกมากำชับถึงความโปร่งใส และให้ ตรวจสอบทั้งหมด ทั้งเรื่องคุณสมบัติการเข้าอบรม รวมทั้ง หลักสูตรอื่นๆ ที่มีให้กำลังพลได้เติบโต

ให้ได้มีความหวังกับการรับราชการ ไม่ต้องทนรู้สึกว่าต้องทำงานและปล่อยให้เด็กนายก้าวหน้าอยู่ฝ่ายเดียว








Advertisement

ประดับยศร.ต.อ.

■ วิจารณ์แซ่ด‘ผู้กองแคท’

กลายเป็นเรื่องฮือฮาในสังคม เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ‘เพื่อนตำรวจ’ ออกมาตั้งคำถาม เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ถึงการเลื่อนยศของ นายตำรวจหญิง ที่รวดเร็วปานติดจรวด โดยระบุว่า เป็นเหตุการณ์ ที่ตั๋วช้างยังเรียกพี่ จาก ส.ต.ต.หญิง ใช้เวลา 4 ปี ติดยศ ร.ต.อ. พรวดขึ้นมา 8 ชั้นยศ หลังเข้าอบรมหลักสูตร กอส. หรือ

‘หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร’

พร้อมเรียกร้องให้นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ที่เคย อภิปรายเรื่อง ‘ตั๋วช้าง’ และเรื่อง ‘ตั๋วตำรวจ’ เข้ามาช่วยตรวจสอบ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ทั้งนี้เมื่อกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม จนเกิดการขุดคุ้ยว่า ร.ต.อ.หญิงคนดังกล่าวก็คือ ‘ผู้กองแคท’ ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่งประจำฝ่ายเลขานุการ ด้านประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นอกจาก เป็นตำรวจหญิงแล้ว ยังเคยเป็นนางงามหลายเวที เป็นผู้บริหารรายการคอนเสิร์ตลูกทุ่งประเทศไทยสัญจร และนักร้องลูกทุ่ง

กลายเป็นคำถามว่าเหตุใดผู้กองแคทถึงได้รับการเลื่อนยศขึ้นอย่างรวดเร็ว

พร้อมพูดถึงหลักสูตร กอส. ว่าเป็นหลักสูตร ‘ลูกเทพ’ ที่เปิดโอกาสให้คนนามสกุลดังเข้ามาอบรม และได้เป็นตำรวจสัญญาบัตร แทนที่จะมีไว้ให้กับทายาทตำรวจที่เสียสละ จนกลายเป็นช่องทางเข้าสู่อำนาจที่ไม่ถูกต้อง หรือเป็นช่องทางของพวกตำรวจสีเทาที่เข้ามาหวังผลบางอย่าง

ครั้งประกวดนางงาม

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ชี้แจงว่า ร.ต.อ.หญิงอาทิติยาเข้ามาเป็นตำรวจเริ่มจากสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติได้ตำแหน่งว่างระดับรองสารวัตร ทำงานด้านพิธีการ การประชุม สารบรรณ จึงเปิดรับสมัคร โดยบรรจุยศ ส.ต.ต. เมื่อผ่านอบรม กอส. ก็จะติดยศ ร.ต.ต.

ส่วนที่เลื่อนยศเร็วนั้น เพราะใช้วุฒิปริญญาตรี จะบรรจุประมาณ 1 ปี จาก ร.ต.ท.เป็น ร.ต.อ. ต้องครองยศ 3 ปี แต่ถ้าใช้ วุฒิปริญญาโท-เอก จาก ร.ต.ต. เป็น ร.ต.ท.ใช้เวลา 1 ปี ครองยศอีก 1 ปี ก็จะได้เป็น ร.ต.อ.

กรณี ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา ที่เข้าอบรม กอส.กับเพื่อนร่วมรุ่น 350 นาย ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ หรือได้ยศเร็วกว่าใคร

อย่างไรก็ตาม กรณีผู้กองแคทไม่ใช่เรื่องของคุณวุฒิขาดแคลน แต่เป็นความต้องการของหน่วยงานใน ตร. ที่กำหนดสเป๊ก คนเข้ามาบรรจุรับราชการในระดับรองสารวัตร

ยืนยันหลักสูตร กอส.เป็นหลักสูตรที่ดี แต่ในส่วนของ แต่ละบุคคล จะต้องมองแยกกันเป็นบุคคลเป็นรายๆ ไป ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม

ที่ผ่านมาบุคคลที่ได้พูดถึงอยู่ก็ได้มีการถูกตรวจสอบได้ดำเนินการทางวินัย บางคนก็ถูกไล่ออกปลดออกไปแล้ว

ทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้!!!

รังสิมันต์ โรม

■ ก้าวไกลห่วงซื้อขายตำแหน่ง

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา ที่มักจะโพสต์ โซเชี่ยลในเรื่องราวการรับราชการ และการออกงานร้องเพลง ได้ลบภาพประดับยศ และข้อความแสดงความยินดีที่ได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง พร้อมโพสต์ข้อความชี้แจงว่า จากประเด็น ที่แคทได้โพสต์ภาพที่ให้คุณพ่อคุณแม่ประดับยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตรับราชการของแคท แคทไม่มีเจตนาโพสต์ เพื่ออวดอ้างหรือไปกระทำการสิ่งใด เพื่อไปกระทบจิตใจเพื่อนๆ พี่ๆ ข้าราชการตำรวจ และทุกฝ่ายแต่อย่างใด

ในการนี้แคทกราบขอโทษอย่างสูงที่กระทำการดังกล่าว โดยไม่ได้ไตร่ตรอง

สุดท้ายนี้ เมื่อแคทได้รับโอกาสในการทำงาน ขอสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถและอย่างดีที่สุด

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ที่ถูกเรียกร้อง ให้เข้ามาตรวจสอบ ก็เริ่มเปิดประเด็นว่า หลักสูตร กอส.ที่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็นตำรวจ จะมีที่มาคือ 1.เป็นทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตในหน้าที่ 2.มีคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่กลายเป็น 3.เป็นนามสกุลดังที่ขาดแคลน

นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่า ตำรวจหลายคนที่เข้ามาจำนวน ไม่น้อยนั้น มีฐานะพฤติกรรมบางอย่างที่ร่ำรวยมากๆ มีรถหรูขับ เป็นกังวลว่าคนกลุ่มนี้ ภูมิหลังมีการทำมาหากินสุจริตแค่ไหน บางครั้งกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายอาจส่งคนในเครือข่ายเข้ามา ในหลักสูตรนี้ และตนก็ทราบว่าอาจมีการซื้อขายตำแหน่ง ในจำนวน 1-2 ล้านบาท

เรื่องนี้เป็นอีกนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตรวจสอบ ถึงคุณสมบัติของตำรวจที่ผ่านหลักสูตรนี้ ว่าสมควรได้รับการคัดเลือกมารับราชการหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ขับรถหรู มีฐานะดี เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนของกลุ่มทุนสีเทาแฝงตัว เข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจสีเทา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะอาจเชื่อมโยงไปถึงการซื้อขายตำแหน่งด้วย

รวมถึงในกรณีที่ลูกท่านหลานเธอที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปรับราชการ ทั้งที่จบการศึกษามาไม่ตรงกับลักษณะงาน เห็นว่าควรให้หลักสูตรนี้ไว้พิจารณารับบุตรหลานตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เข้าสมัครสอบรับราชการ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ หรือไว้รับสมัครบุคคลภายนอกที่จบการศึกษา ในสาขาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาดแคลน เช่น นักวิทยาศาสตร์ จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่า ซึ่งยอมรับ ว่าการตรวจสอบย้อนหลังตำรวจที่ผ่านหลักสูตร กอส.นั้น เป็นเรื่องที่ยาก พอสมควร แต่ก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิด ความชัดเจนแก่สังคม

เป็นเรื่องที่ควรทำให้ชัดเจน

ผบ.ตร.

■ ผบ.ตร.สั่งปรับหลักสูตร

อย่างไรก็มีความไม่สบายใจในเรื่องหลักสูตร และการคัดเลือก ผู้เข้าอบรม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียด หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่ ผบ.ตร.เข้ามารับตำแหน่ง กว่าระยะเวลา 8 เดือนก็ยังไม่ได้เปิดรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจตามที่หน่วยงานร้องขอแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร ตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนปรับปรุง แก้ไขระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร. และกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ

รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตรการอบรมบุคคลภายนอก ที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.), หลักสูตร การอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.) และหลักสูตรที่เทียบเคียง อื่นๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทันต่อยุคสมัย และสอดรับกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ฉบับใหม่

รวมทั้งนำกรณีของ ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา และข้าราชการตำรวจ รายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้สำนักงานกำลังพลไปถอดบทเรียน มาประกอบการพิจารณาเพื่อยกร่างกฎระเบียบใหม่

เพื่อเปิดกว้างรับบุคคลภายนอกที่มีคุณภาพมาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตรงกับความต้องการของหน่วย และจะพิจารณาเพิ่มโควตาคนในให้มากขึ้นกว่าเดิม พิจารณาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จากผลการประเมินจากผู้บังคับบัญชา หรือกรณีที่ตำรวจไปศึกษาเพิ่มเติมจนจบชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก โดยจะเปิดให้แข่งขันกันเอง ให้เป็นสัญญาบัตรได้ในสายงานต่างๆ เช่นสายงานสอบสวน สายงานป้องกันปราบปราม เป็นต้น

เพื่อให้เปิดกว้างมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อที่จะรับบุคคล ภายนอกที่มีคุณภาพ ตรงกับที่หน่วยต้องการ และจะเน้น การเพิ่มจำนวนโควตาพิจารณาคนใน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และสามารถสร้างความเชื่อมั่น เป็นที่ยอมรับของประชาชน

ให้ประชาชนลดความระแวง และตำรวจชั้นผู้น้อยเองก็มีโอกาสเติบโต!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน