‘ทรัพย์สินเงินทอง’ ใครบ้างไม่อยากได้ ยิ่งมูลค่ามากมายหลายสิบล้าน แม้จะเป็นคนร่วมสายเลือด สืบวงศ์ตระกูลเดียวกัน ก็ไม่มีทางที่จะยอมปล่อยมือไปง่ายๆ เหตุสลดจึงบังเกิด

ช่วงสายวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ. เจตน์ นิลพฤกษ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในบ้านเลขที่ 3 ซอยท่าดินแดง 6 ถนนท่าดินแดง แขวงและเขตคลองสาน กรุงเทพฯ

ผู้กองรีบรายงานเหตุร้ายต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมพล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุนทร มาลาเวช ผกก.สน.สมเด็จ เจ้าพระยา เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.บก.น.8 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ พฐ. แพทย์ร.พ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ในเนื้อที่ 393 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิดตั้งอยู่สุดซอย ที่ตัวบ้านบริเวณชั้น 2 ติดป้ายประกาศขายบ้านหลังดังกล่าวพร้อมที่ดิน

ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุ

ส่วนข้างบ้านพบรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ทะเบียน 1 กฆ 1353 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพกระจกประตูฝั่งคนขับถูกรัวยิงด้วยอาวุธปืนจนพรุนรวม 8 รู

บริเวณเบาะคนขับพบศพนายกัลป์ หุตะกมล อายุ 50 ปี บรรณาธิการนิตยสารเกี่ยวกับรถยนต์ฉบับหนึ่งนอนสิ้นใจอยู่หลังพวงมาลัย

สภาพร่างโชกเลือดมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนพรุนไปทั้งตัวทั้งศีรษะ ลำตัว และหน้าอก นับได้รวม 12 นัด








Advertisement

บนพื้นสนามหญ้าก็พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกกระจายเกลื่อน

กนกวรรณ แก้วประเสริฐ

ขณะที่ในตัวบ้านบริเวณหน้าห้องนอนชั้นล่าง ตรงโถงทางเดินก่อนขึ้นชั้นบน พบศพน.ส.กนกวรรณ แก้วประเสริฐ อายุ 49 ปี อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา น้องสาวของนายกัลป์ นอนจมกองเลือดสภาพสวมชุดนอนลายดอกสีชมพู

พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าศีรษะ 2 นัด ข้างศพยังพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 2 ปลอก

ส่วนในห้องนอนชั้นล่างพบศพนายอดิศักดิ์ ชื่นอารมณ์ อายุ 67 ปี อดีตเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ น้าเขยของนายกัลป์และน.ส.กนกวรรณ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าขมับขวา นอนจมกองเลือด โดยมีอาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ข้างมือขวา

ขณะที่ภรรยานายอดิศักดิ์และเป็นน้าสาวแท้ๆ ของนายกัลป์และน.ส.กนกวรรณยังอยู่ในสภาพตกใจกับเหตุร้ายในครอบครัวที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เจ้าหน้าที่ต้องพาออกจากจุดเกิดเหตุจะได้ไม่ต้องทนเห็นภาพสะเทือนใจ และช่วยกันปลอบโยนให้หายความเศร้าโศกเพื่อสอบปากคำหาสาเหตุที่แท้จริง

พฐ.เก็บรวบรวมหลักฐาน

พล.ต.ต.มานพ เผยผลสอบสวนทั้งผู้อยู่ในเหตุการณ์และพยานแวดล้อมทราบว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุมีผู้พักอาศัยกันอยู่รวม 4 คน คือผู้ตายทั้ง 3 ราย และภรรยาของนายอดิศักดิ์ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นน้าสาวของนายกัลป์และน.ส.กนกวรรณ

ภรรยาของนายอดิศักดิ์ให้การว่า สามีป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย และช่วยกันเลี้ยงดูหลานชาย-หญิงทั้งคู่มาตั้งแต่เล็ก เพราะกำพร้าพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปนานหลายปี

แต่เมื่อ 5 ปีก่อนก็เกิดเรื่องระหองระแหงขึ้นในครอบครัว เพราะเกิดการแย่งชิงความเป็นเจ้าของมรดกบ้านและที่ดินที่เกิดเหตุ

นายกัลป์และน.ส.กนกวรรณต้องการขายบ้านและที่ดินข้างเคียงที่ปล่อยคนเช่าบ้าน รวมเนื้อที่ 393 ตารางวา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เพราะต้องการนำเงินมาแบ่งสันปันส่วนเท่าๆ กัน

กัลป์ หุตะกมล

แต่ภรรยาของนายอดิศักดิ์ไม่อยากขายบ้านหลังดังกล่าวที่เป็นของพ่อแม่ หรือก็คือตากับยายของหลานทั้งคู่ เพราะมีความผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆ จนเกิดเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของมรดก

ภรรยาของนายอดิศักดิ์ยืนยันว่า ตลอด 5 ปีแห่งความขัดแย้งฝ่ายหลานพยายามกลั่นแกล้งตนและสามีที่ป่วยตลอด ทั้งเอาน้ำมาสาดตอนนอน บีบแตรรถหน้าบ้านดังลั่นตลอดเวลา

ก่อนเกิดเหตุภรรยาของนายอดิศักดิ์ออกไปทำธุระนอกบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อกลับมาถึงบ้านในช่วงสายพบว่าทั้งหมดกลายเป็นศพไปแล้ว

เชื่อว่าจากอาการป่วยของสามีที่เป็นโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย สามารถอยู่ต่อได้ไม่เกิน 1 เดือน ประกอบกับสุดทนต่อพฤติกรรมของหลาน จึงตัดสินใจก่อเหตุสลดเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับภรรยาที่ยังคงอยู่หลังจากที่ตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว

ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของสามีที่ซื้อไว้ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่สมัยยังรับราชการ

ภรรยาและลูกรับศพนายอดิศักดิ์ ชื่นอารมณ์

แม้จะเป็นคำให้การฝ่ายเดียว เพราะอีกฝั่งไม่มีใครอยู่มาแก้ต่างโต้แย้ง และญาติๆ ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงให้รับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยญาติตัดสินใจแยกศพผู้ก่อเหตุและหลานๆ ไว้คนละวัด

เรื่องราวโศกนาฏกรรมในครอบครัวนี้ไม่ใช่เหตุแรก และคงยังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ตราบเท่าที่ ‘ปุถุชน’ ยังอุดมด้วย ‘อคติ 4’ รัก-โลภ-โกรธ-หลง

พนม คงเจริญ/อดิษัยต์ พรวนพิมพ์
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน