ยังคงรอผลพิสูจน์จากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับทางเลื่อนอัตโนมัติในสนามบินดอนเมือง

ที่เกิดปัญหาจนดูดขาผู้โดยสารเข้าไปติด จนเป็นเหตุให้ขาขาด บาดเจ็บสาหัส และเมื่อตรวจสอบย้อนหลัง ก็น่าตกตะลึงว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก

เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง แต่ละครั้งก็เกิดความเสียหาย แม้จะไม่รุนแรงถึงคราวนี้ก็ตาม

นอกจากความเสียหายในส่วนบุคคล เรื่องเหล่านี้ยังส่งผลเสีย ต่อชื่อเสียงของประเทศ เนื่องจากที่เกิดเหตุคือสนามบินดอนเมือง ที่มีปริมาณผู้โดยสารเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสอบสวนทวนความหาสาเหตุของเรื่องดังกล่าวให้จงได้

และยังต้องหาคำตอบอีกว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่เกิดเหตุขัดข้อง ได้มีการหาสาเหตุที่แท้จริง และแก้ไขหรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงหากแก้ไขตั้งแต่ครั้งแรก ความเสียหายในวันนี้คงไม่รุนแรงถึงขั้นนี้

ที่สำคัญคือต้องมีคนรับผิดชอบ จะปล่อยให้เงียบหายไม่ได้เป็น อันขาด

ทางเลื่อนดอนเมืองดูดขาขาด








Advertisement

เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ท. จิระโรจน์ ประสานเศรษฐชัย สว.สส.สน.ดอนเมือง รับแจ้งจากท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เกิดเหตุผู้โดยสารเพศหญิงเท้าติดทางเลื่อนบริเวณทางเดินอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ขณะกำลังจะ เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังนครศรีธรรมราช

สำหรับผู้บาดเจ็บคือ น.ส.กิตติรัตนา สุพรรณี เป็นผู้โดยสาร สายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD552 ดอนเมือง-นครศรีธรรมราช ขณะเดินทางใช้ทางเลื่อนที่ 2 ระหว่าง Pier 4-Pier 5 ขาออกอาคาร 2 ภายในประเทศ เกิดอุบัติเหตุขาข้างซ้ายเข้าไปติดกับสายพาน ทางเลื่อน ทำให้ขาข้างซ้ายขาดได้รับบาดเจ็บสาหัส นำส่งร.พ.ภูมิพล ก่อนญาติประสานให้ส่งไปรักษาตัวต่อที่ร.พ.บำรุงราษฎร์

ขณะที่สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เท่าที่ประมวลจากการให้ข้อมูลจากนายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชาย ระบุว่า วันเกิดเหตุ น.ส.กิตติรัตนาเดินทางไปทำธุรกิจที่จ.นครศรีธรรมราช โดยเดินทางด้วยเครื่องบิน ที่สนามบินดอนเมือง โดยมีสามีเป็นคนไปส่ง เมื่อส่งเสร็จ ก็เดินทางกลับ แต่ต่อมาช่วงเช้าได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่าเกิดอุบัติเหตุ เมื่อเดินทางกลับไปดูพบว่าน.ส.กิตติรัตนา ถูกทางเลื่อนดูดเข้าไป ขาซ้ายบาดเจ็บสาหัส

เบื้องต้นเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพล อดุลยเดช กรมการแพทย์ ทหารอากาศ ซึ่งทีมแพทย์ แจ้งว่าไม่สามารถต่อขาข้างที่ขาดได้

ต่อมาผู้บาดเจ็บขอย้ายไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เนื่องจากมีประวัติการรักษาอยู่ที่ดังกล่าว และได้รับการผ่าตัดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งผลผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ ยังต้องพักในห้องปลอดเชื้อ ขณะที่ครอบครัวเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ ที่จะต้องกลายเป็นคนพิการ

ส่วนเรื่องราววันเกิดเหตุ นายกฤตย์ระบุว่า ตอนเกิดเหตุคุณแม่เดินอย่างปกติ จนกระทั่งใกล้จุดสิ้นสุดทางเลื่อน ประมาณ 2-3 แผ่นเหล็กแพลตฟอร์ม ทางเลื่อนแผ่นหนึ่งก็ยุบตัวลง และดูดขาคุณแม่ลงไป และระบุว่าตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงการเข้าช่วยเหลือกู้ภัย ใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งหากใช้เวลาน้อยกว่านี้จะช่วยลดความสูญเสีย หรืออาจจะไม่ต้องเสียขา และระบุว่าทุกวินาทีที่ติดอยู่ในเครื่องเป็นวินาทีที่ทรมานที่สุดในชีวิต

โดยหลังจากนี้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และขอให้อนุญาตตัวแทนครอบครัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมคณะทำงานตรวจสอบ

พร้อมยืนยันว่าไม่ต้องการให้ลงโทษบุคคลใด แต่เพื่อพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกๆ คน

ตรวจสาเหตุ

 

ย้อนรอยเกิดซ้ำซาก-ตร.จี้คดี

เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปพบว่า กรณีนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะเมื่อย้อนไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2562 ก็เคยมีเหตุผู้โดยสารที่ใช้ทางเลื่อนสนามบิน เมื่อมาถึงสุดทางเลื่อนกำลังจะก้าวออกไป ก็มีแรงดึงรองเท้าจากพื้นทางเลื่อนให้ติดอยู่กับทางเลื่อน ดึงยังไงก็ยกเท้าขึ้นไม่ได้ จึงตัดสินใจถอดรองเท้าออก จังหวะนั้นรองเท้าก็ถูกทางเลื่อนดูดหายวับไปด้านในทันที เมื่อสังเกตปลายทางเลื่อนพบว่าชำรุดอยู่ เป็นเหตุให้รองเท้าถูกดูดเข้าไป เมื่อเปิดแผ่นเหล็ก ก็พบรองเท้าในสภาพเละ

หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ในวันที่ 6 ก.ย. 2562 ท่าอากาศยานดอนเมืองชี้แจงอุบัติเหตุดังกล่าวว่า ได้เปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุดและทดสอบการใช้งานทางเลื่อนทันที เพื่อให้สามารถเปิดให้ใช้งานตามปกติ พร้อมซ่อมบำรุงรักษาเชิงป้องกันและตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ลิฟต์ บันไดเลื่อน และทางเลื่อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ

โดยทอท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทยของผลิตภัณฑ์นั้น เพื่อควบคุม ตรวจสอบและบำรุงรักษา โดยมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของอุปกรณ์ทางเลื่อน 8 รอบต่อวัน เพื่อเฝ้าระวังหรือตรวจสอบความผิดปกติของอุปกรณ์

นอกจากนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองยังติดตั้งเสาสัญญาณเสียง-สัญญาณไฟไว้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการ ใช้งานของผู้โดยสาร สำหรับเตือนการใช้งานก่อนการเข้าใช้และระหว่างการใช้งานก่อนสิ้นสุดทางเลื่อน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เตรียมตัวก่อน

ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกัน แต่เป็นเด็กที่ลงบันไดเลื่อนพร้อมแม่ โดยยืนชิดกับตัวบันได และใส่รองเท้ายาง เสียดสีและถูกดูดไปกับซอกบันไดเลื่อน ขณะที่เท้าเข้าไปติดบันไดเลื่อนหยุดทำงาน จึงทำให้น้องได้รับบาดเจ็บ ไม่ถึงกระดูกน้อง เป็นแผลบริเวณหลังเท้าเย็บ 11 เข็ม

เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นในสนามบินชั้นนำของประเทศ

ด้านพ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง ระบุว่า สั่งเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เร่งรัดหนังสือเชิญบุคคลและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยคดีแพ่ง ท่าอากาศยานไทยเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนคดีอาญาต้องรอสอบปากคำผู้เสียหาย แต่จะสอบสวนนักวิชาการ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน และวิศวกรจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ และภาพวงจรปิด เพื่อสรุปสำนวนส่งศาล

ยันคดีไม่ล่าช้า และพร้อมดำเนินการให้ลุล่วงโดยเร็ว

อุบัติเหตุซ้ำ

 

ผลสอบสรุปเป็นอุบัติเหตุ

หลังเกิดเหตุ นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผอ.ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) กล่าวว่า ตรวจสอบระบบการทำงานของทางเลื่อนในอาคารผู้โดยสาร ที่เกิดเหตุแล้ว ปกติจะมีการบำรุงรักษา (Maintenance) รายเดือน 3 เดือน และ 1 ปี แต่มีการตรวจเช็กการทำงานทุกวัน

หากพบว่าซี่หวีทางเลื่อนหัก 2 ซี่ติดกัน จะเปลี่ยนทันที ซึ่งการตรวจสอบของวันที่ 29 มิ.ย. ยังไม่ได้รับรายงานความผิดปกติใดๆ เบื้องต้นหยุดให้บริการทางเลื่อนทั้ง 20 เครื่องชั่วคราวแล้ว เพื่อตรวจเช็กความปลอดภัย และหาสาเหตุว่าที่เกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้นเกิดจากสาเหตุใด อาทิ ล้อกระเป๋าของผู้บาดเจ็บไปกระแทกจนซี่ทางเลื่อนแตกหักหรือไม่ หรือระบบมีการสะดุดก่อนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป

จากนี้เราจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรณีดังกล่าว โดยจะเชิญหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบการทำงานด้วย เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เป็นต้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบ โดยจะรีบหาข้อสรุปโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ทางเลื่อนทั้ง 20 เครื่อง แบ่งเป็น เครื่องใหม่ 6 เครื่อง เครื่องเก่า 14 เครื่อง ซึ่งมีการติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2539 โดยทางเลื่อนดังกล่าวเป็นยี่ห้อฮิตาชิ และอยู่ในการดูแล และบำรุงรักษา โดยบริษัท สยามฮิตาชิ เอลลิเวเตอร์ จำกัด บริษัท ในกลุ่มสยามกลการ ผู้แทนบริษัทฮิตาชิ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุทางผู้บริหารได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้ว ส่วนเรื่องจะเอาผิด หรือจะเรียกร้อง ค่าเสียหายจากบริษัทหรือไม่นั้น ต้องไปดู รายละเอียดสัญญาการซื้อขายอีกครั้ง

ขณะที่นายวีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ที่ร่วมกรรมการนักวิชาการอิสระ เปิดเผยผลประชุม เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ว่า มีความคืบหน้า 80 เปอร์เซ็นต์ สรุปสั้นๆ คือ อุบัติเหตุ

โดยแผ่นเพลตหลุดออกจากรางสี่เหลี่ยม โดยนอตตำแหน่งที่ A B C ไม่สามารถยึดแผ่นเพลต ในขณะม้วนลงที่ตำแหน่งสิ้นสุดทางเลื่อนไว้ได้ เหลือเพียงตำแหน่ง D ที่ยึดไว้แล้วห้อยแผ่นเพลตโตงเตงอยู่ด้านล่าง เลื่อนไป 10 วินาทีจนเซฟตี้สวิตช์ทำงาน ทางเลื่อนจึงหยุด

เปิดผลตรวจ

 

ในขณะ 10 วินาทีที่ทางเลื่อนพยายามดันไปข้างหน้า ขาของผู้โดยสารที่หย่อนลงไปที่ตำแหน่ง E ก็ถูกดันไปเรื่อยๆ ไปกระแทกกับขอบโลหะที่มีความหนาเกือบ 1 เซนติเมตร จนได้รับบาดเจ็บสาหัสขาขาด

หวีสีเหลืองยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ถึงแม้ไม่มีหวี ก็ไม่มีโอกาสที่ขาจะหลุดลงไปขนาดนั้น

ทั้งนี้น่าจะประชุมอีกไม่เกิน 2 ครั้ง ก็จะแถลงข่าว โดยทุกฝ่ายยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุ โดยทางเลื่อนนี้ติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2530 และมีเซฟตี้สวิตช์ทั้งหมด 5 จุด ปัญหาหลักๆ คือมันเก่า และได้ตั้งงบประมาณเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดแล้ว

ผลสรุปนี้จะนำไปสู่อะไรคงต้องติดตาม!!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน