เป็นคดีสะเทือนขวัญที่สร้างความตื่นตระหนกให้คนในพื้นที่อย่างรุนแรง สำหรับกรณีหนุ่มปืนโหด บุกดักยิงดับ 4 ศพ คาสวนยางที่ จ.ชุมพร

ก่อนขับปิกอัพเหยื่อหลบหนี พร้อมอาวุธครบมือ

โชคยังดีที่รถคนร้ายไปประสบอุบัติเหตุ และเจ้าหน้าที่ติดตามได้รวดเร็ว

ความเสียหายจึงไม่ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้

ขณะที่การสอบสวน ฆาตกรโหดก็รับสารภาพว่าสาเหตุที่ต้องลงมือเพราะความขัดแย้งเรื่องที่ดินสวนยางพาราจริง โดยกล่าวอ้างว่าผู้ตายเข้าไปตัดต้นยางของตัวเองทิ้งกว่า 200 ต้น และยังมีการลักขโมยขี้ยาง

โดยวางแผนมานานกว่าสัปดาห์

ถือเป็นการลงมือที่โหดเหี้ยมอำมหิต ที่ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด คืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต

นาทีจับ








Advertisement

ฆ่าโหด 4 ศพหมกสวนยาง

เหตุหฤโหดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ค. เมื่อ พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ สว.สอบสวน สภ.นาสัก จ.ชุมพร รับแจ้งว่า เกิดเหตุยิงกันในพื้นที่หมู่ 19 (บ้านตาหลัด) ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

ที่เกิดเหตุห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 10 กิโลเมตร ริ มถนนเล็กๆ ในหมู่บ้านติดสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายประยงค์ สมนึก อายุ 60 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าใกล้เสาไฟฟ้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณลำตัวและศีรษะกว่า 10 รู ศพถูกปิดคลุมด้วยทางมะพร้าวแห้ง ห่างจากศพผู้เสียชีวิตประมาณ 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนลูกซองสีขาว 2 ปลอก

ศพที่ 2 ห่างจากศพแรกประมาณ 200-300 เมตร เป็นแรงงานชาวเมียนมา ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าเบ้าตาขวา นอนตะแคงคร่อมจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน 1 กก 5811 ชุมพร ที่ถูกเผาเป็นตอตะโก

ห่างไปอีก 100 เมตร พบบ้านไม่มีเลขที่ หน้าบ้านพบลูกสุนัขนอนตายอยู่ 1 ตัว

ศพที่ 3 คือ นายน้อง อายุ 34 ปี เป็นคนงานตัดยางชาวเมียนมา นอนตะแคงจมกองเลือดแห้งกรังอยู่บนแคร่ไม้ สภาพศพยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าศีรษะและลำตัวมีบาดแผลหลายรู ศพที่ 4 คือ นายนาย อายุ 51 ปี ถูกยิงด้วยอาวุปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่ศีรษะจนกะโหลกเปิด นอนหงายจมกองเลือดอยู่บนที่นอน ศีรษะยังหนุนหมอนเสียชีวิตภายในบ้าน

สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายประพันธ์ นาคศิริ หรือพันธ์ อายุ 44 ปี ที่มีพฤติกรรมติดยาเสพติด เคยเกิดอาการหลอนยาทุบตีพี่สาวตัวเอง ชอบพบปืนข่มขู่แรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในพื้นที่ และเคยทะเลาะกับนายประยงค์ในเรื่องที่ดินทำกิน

ก่อนหน้านี้นายประยงค์ขับรถกระบะออกจากบ้าน มาต่อน้ำเข้าไปใช้ในบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นก็หายไปตั้งแต่คืนวาน จนกระทั่งออกตามหาจนพบว่าเป็นศพเมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ค.

ส่วนรถกระบะที่นายประยงค์ขับมาหายไป คาดว่านายประพันธ์จะชิงรถหลบหนี

ขณะที่คนงานเมียนมา 2 ศพที่พบเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านนั้น เป็นคนงานกรีดยาง ซึ่งอุปนิสัยเป็นคนขยันทำงาน ไม่เที่ยวเตร่

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก กล่าวว่า เบื้องต้น คาดว่ามูลเหตุน่าจะเป็นเรื่องของสวนยางพารา และอาจมีอาการ หลอนยา เชื่อว่าคนร้ายยิงนายประยงค์เสียชีวิตแล้วขึ้นไปบนสวนยาง เพื่อจะยิงสามพ่อแม่ลูก แต่ไม่พบตัวเพราะย้ายหนีไปก่อนจึงยิงลูกสุนัขตายแทน

จากนั้นไปก่อเหตุยิงคนงานตัดยาง ดับ 2 รายคาบ้านขณะนอนหลับ ก่อนหลบหนี ระหว่างทางมาเจอชาวเมียนมาอีกคนขี่จักรยานยนต์ตามหาเพื่อนที่ถูกยิงตาย กลับถูกจ่อยิงหัวตามไปด้วยพร้อมจุดไฟเผาทั้งคนทั้งรถ หลังก่อเหตุยิงดับทั้งหมด 4 ศพก่อนขับรถของนายประยงค์ผู้เสียชีวิตคนไทยหลบหนี

ก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายจริงๆ

มือปืนรับสิ้น

อ้างแค้นรุกที่-ขโมยขี้ยาง

หลังรับทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่สั่งเร่งติดตามไล่ล่า ในที่สุดก็พบว่านายประพันธ์หนีไม่ได้ไกล โดยไปเกิดอุบัติเหตุขับรถตกข้างทาง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ค. ในพื้นที่หมู่ 7 ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนถือปืนหลบหนีติดตัวไปด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พร้อมคณะ นำหมายศาลลงติดตาม พร้อมแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุติดตามเส้นทางหลบหนี

จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 17 ก.ค. ตำรวจชุดไล่ล่าติดตามจนสามารถตะครุบตัวได้ ขณะเดินสะพายกระเป๋าเป้บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน ม.5 ต.สองแพรก อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี โดยนายประพันธ์ ฆาตกร 4 ศพ สวมเสื้อแขนยาวลายสกอต เสื้อสีดำคาดไว้ที่เอว กางเกงนุ่งขายาวสีฟ้า ใส่รองเท้าบู๊ต และสวมหมวกแก๊ปสีดำ มีอาการอิดโรย

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจค้นภายในตัว กระเป๋าเป้และขนำในสวนยางพาราใกล้จุดพบตัว แต่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และยังพูดจา วกวนไม่รู้เรื่อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจาก ภ.จว.ชุมพร นำตัวนายประพันธ์เดินทางไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ชัยบุรี พร้อมแบ่งกำลังออกค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน

ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธงชัยคุมตัวนายประพันธ์ส่งมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับให้กับ พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก

โดยนายประพันธ์เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เก็บกดความแค้นมานานแล้ว เนื่องจากนายประยงค์แอบตัดโค่นต้นยางพาราตนที่สวนอยู่ติดกันเสียหายกว่า 200 ต้น ส่วนแรงงานชาวเมียนมาชอบเข้ามาลักขโมยขี้ยางพาราตนไปขายหลายครั้ง แม้ตนเคยไปบอกไปเตือนแต่ก็ไม่ฟัง ทำให้ตนหมดความอดทน

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก กล่าวว่า หลังรับตัวและสอบปากคำผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าคนไทยและแรงงานชาวเมียนมาจริง เนื่องจากความโกรธแค้นที่นายประยงค์ผู้ตายและแรงงานเมียนมาลักขโมยขี้ยางหลายครั้ง พร้อมให้การว่ายอมรับว่าเสพกัญชาทุกวันหลังจากเปิดเสรี ส่วนอาวุธปืนขณะนี้ยังไม่พบข่าวว่ามีการช่วยเหลือจากกลุ่มบุคคลในการพาหนีนั้นอยู่ในระหว่างขยายผล คาดว่ามี 1-2 คน

เร่งสอบสวนสรุปสำนวนโดยเร็ว

ทำแผน

เปิดคำสารภาพฆาตกร

ต่อมาวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) จ.ชุมพร คุมตัวนายประพันธ์ นาคศิริ ผู้ต้องหาฆ่ายิง 4 ศพ ออกจากห้องขังควบคุมตัวไปในพื้นที่หมู่ 19 (บ้านตาหลัด) ต.นาสัก อ.สวี พร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

โดยเจ้าหน้าที่แจ้งผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.วางเพลิงเผาทรัพย์ 3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน

ทั้งนี้ นายประพันธ์ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุยิงทั้ง 4 ศพจริง โดยเตรียมการมากว่า 1 สัปดาห์ โดยซื้อกระสุนปืนลูกซอง 10 นัด และน้ำมันเตรียมพร้อมก่อเหตุ

วันเกิดเหตุเดินขึ้นไปยังบ้านไม่มีเลขที่เป็นบ้านพักคนงานตัดยางชาวเมียนมา ที่มีนายน้องนอนอยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นก็ชักปืนยิงทันที ก่อนจะเดินเข้าไปยิงนายนายอีกคน ขณะกำลังนอนอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะเดินลงมาเจอนายประยงค์ที่เสียชีวิต จึงใช้ทางมะพร้าวแห้งปิดคลุมร่างไว้

ขณะนั้นคาดว่าน่าจะเห็นชาวเมียนมาขับรถ จยย.มาหาเพื่อน 2 คนที่ถูกยิงตายไปก่อนหน้าจึงวิ่งลัดป่าสวนยางขึ้นมาดักรอ เมื่อเห็นผ่านมาจึงตะโกนถามว่าไปไหน พร้อมกับจ่อยิงเข้าหัวและเอาน้ำมันที่เตรียมมาราดจุดไฟเผาทันที

ยิงคาที่นอน

จากนั้นเดินไปหาบ้านพักชาวเมียนมาอีกหลังที่เคยถูกนายประพันธ์ข่มขู่สามคนพ่อแม่ลูกไว้ แต่ไม่เจอเลยยิงลูกสุนัขตายแทน

หลังก่อเหตุเดินกลับลงไปเอารถกระบะของนายประยงค์ที่จอดอยู่ใกล้ศพขับหนีออก นอกพื้นที่พร้อมอาวุธปืนมุ่งหน้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนไปเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์

โดยเจ้าหน้าที่นำตัวนายประพันธ์ไปชี้จุดลงมือ ประกอบด้วย 1.ซื้อกระสุนปืนลูกซอง ร้านค้าแห่งหนึ่ง (เลขที่ 79) ม.5 ต.นาสัก 2.ร้านค้าที่ซื้อน้ำมันหมู่ 19 บ้านตาหลัดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร 3.เป็นจุดที่ยิงนายประยงค์ โดยขึ้นไปยืนยิงบนเนินสูงริมถนนห่างจากตัวผู้ตายประมาณ 6-7 เมตร

4.เป็นจุดที่คนร้ายเอาน้ำมันที่บรรจุอยู่ในขวดน้ำอัดลมหลังก่อเหตุยิงเผานำมาทิ้งในพงหญ้า 5.คนร้ายนั่งรออยู่ร่องถนนในสวนยางพารา ก่อนที่แรงงานชาวเมียนมาขี่จักรยานยนต์ผ่านมา เมื่อคนร้ายมาถึงก็ออกจากจุดนั่งรอพร้อมกับตะโกนถามว่าจะไปไหน สิ้นเสียงจึงชักปืนยิงทันที และราดน้ำมันที่เตรียมมาราดจุดไฟเผา

เป็นคำสารภาพที่น่าตื่นตะลึงกับความโหดเหี้ยมครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน