เป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองโดยตรง แต่ก็สร้างความฮือฮา ได้มากพอสมควร เมื่อมีกระแสข่าวระบุถึงคนใกล้ชิดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้ง ได้ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 รวม 151 ที่นั่ง

ที่ล่าสุดดูท่าจะถูกสกัดทุกวิถีทาง จนต้องยอมยกหน้าที่การจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย

โดยระบุถึงบอดี้การ์ดที่ติดตามใกล้ชิด มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เคยถูกดำเนินคดีฐานอ้างตัวเป็นตำรวจ และอุ้มรีดเงินเหยื่อ มีผู้เดือดร้อนจนกระทั่งถูกศาลพิพากษาจำคุก

โดนจับเมื่อปี 54

 

และที่น่าสนใจก็คือห้วงเวลาดังกล่าวมีแกนนำพรรคก้าวไกล อย่างพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท อดีตผบก.ป.เป็นผู้แถลงจับกุมด้วยตัวเอง

ลามถึงการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการคัดคนเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งพรรค ก้าวไกลก็ชี้แจงได้ให้บอดี้การ์ดคนดังกล่าวยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว โดยไม่เกี่ยวข้องกับนายพิธาเลยเนื่องจากเป็นเรื่องที่บริษัทรปภ.ส่งคนมาทำหน้าที่

ตามด้วยความเห็นที่น่าสนใจของพล.ต.ต.สุพิศาลเอง ที่ระบุว่าเมื่อผู้กระทำผิดได้รับโทษไปเรียบร้อย ก็น่าจะมีโอกาสประกอบอาชีพสุจริตในสังคมต่อไป








Advertisement

ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ว่าจะมีบทสรุปออกมาอย่างไร

ฮือฮาการ์ด‘พิธา’ประวัติฉาว

หลังการเลือกตั้งสิ้นสุด เมื่อผลออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้เสียงสส.มาเป็นอันดับ 1 ซึ่งแน่นอนว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ย่อมเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จึงจำเป็นต้องเพิ่มระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งก็จะเห็นว่าในการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจของนายพิธาจะถูกประกบด้วยรปภ. ชายหัวเกรียน รูปร่างสันทัด หรือที่รู้จักกันว่า ‘บอดี้การ์ดพี่ต้น’

และด้วยกระแสความสนใจในตัวของนายพิธาที่เปี่ยมล้น จะเผื่อแผ่ไปถึงคนใกล้ชิด ในที่สุดก็มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าบอดี้การ์ดของนายพิธานั้นเคยถูกดำเนินคดีข้อหาอุกฉกรรจ์ และแน่นอนว่าพาดพิงไปถึงตัวนายพิธาด้วย ว่าเหตุใดไม่มีการตรวจสอบประวัติคนใกล้ชิด

หลังจากการตรวจสอบก็มีความเคลื่อนไหว โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณี นายศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี หรือพี่ต้น บอดี้การ์ดของนายพิธา ที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเคยต้องคดีแอบอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด อุ้มเจ้าของร้านขายของชำไปรีดทรัพย์ ว่า ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่บอดี้การ์ดคนนี้แล้ว จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ระหว่างนี้ให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลนายพิธาแทน

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และยืนยันว่านายพิธาไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะตัวรปภ.คนนี้ ถูกส่งมาจากบริษัทรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่ แต่ตอนนี้เพื่อความเหมาะสมก็ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ‘บอดี้การ์ดพี่ต้น’ ได้รับความชื่นชมจากด้อมส้ม แฟนคลับพิธา ที่คอยทำงานอยู่กับพิธาอยู่ตลอด พร้อมส่งกำลังใจให้บอดี้การ์ดพี่ต้นด้วย

ก่อนจะมีการขุดคุ้ยประวัติบอดี้การ์ดพี่ต้น จนพบว่าพี่ต้น หรือนายศรีสุริเยน เคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัว พร้อมกับพวกรวม 3 คน กรณีอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ใช้ชื่อว่า “ผู้กองต้น” ก่อเหตุอุ้มเหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายชองชำไปทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ แหวนทองคำ เงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สินจำนวน 276,800 บาท ก่อนปล่อยตัวและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก

ซึ่งหัวหน้าชุดจับกุมในขณะนั้นคือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ แกนนำพรรคก้าวไกล ในวันนี้นั่นเอง

เป็นเรื่องฮือฮาในกลุ่มแฟนคลับอย่างยิ่ง

การ์ดพิธา

 

ชี้รับโทษแล้ว-มีโอกาสแก้ตัว

หลังจากเกิดเรื่องราว พล.ต.ต.สุพิศาล อดีต ผบก.ป. และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อปี 2554 ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้แถลงผลการจับกุมผู้กองต้น พร้อมพวกรวม 3 คน ก่อเหตุอุ้มเหยื่อเจ้าของร้านขายของชำไปทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ มีทองรูปพรรณ ทั้งสร้อยคอ สร้อย ข้อมือ แหวน และเงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สิน 276,800 บาท ก่อนปล่อยตัวและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก โดยคดี ดังกล่าว ศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 12 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษและถูกปล่อยตัวมาเมื่อปี 2560 จากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง และเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยประมาณปี 2562

ในส่วนของการเข้ามาทำหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดของนายพิธา หัวหน้าพรรค ขอยืนยันว่าทางหัวหน้าพรรคไม่ได้รับทราบมาก่อน เนื่องจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเป็น ผู้จัดสรรคนมาให้ ซึ่งตนยังไม่มีโอกาสพบ นายต้น อย่างจริงจังมาก่อน เห็นเพียงผ่านตา ยังเข้าใจว่าเป็นตำรวจมาก่อน เพราะตัดผมเกรียน บุคลิกภาพดี ไม่มีพฤติกรรมกร่างหรือก้าวร้าวแต่อย่างใด สำหรับการทำงานด้านต่างๆ ในพรรค นายต้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายพิธาในระดับหนึ่ง

แต่ในมุมของตนและคนในพรรคมองว่าทุกคนควรได้รับโอกาส ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือแม้แต่นักโทษ ซึ่งเวลานี้นายต้นก็ได้รับบทลงโทษตามกฎหมายไปแล้ว ควรให้โอกาสเขาในการทำงาน ซึ่งเรื่องของความเท่าเทียมเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะแน่นอนว่าเมื่อบุคคลกระทำความผิด ก็ต้องได้รับโทษ แต่หลังจากรับโทษแล้วจะได้รับโอกาสในชีวิตอีกหรือไม่

ก็ต้องพิจารณาและรอดูกันต่อไปว่าจะมีบทสรุปในตอนสุดท้ายอย่างไร!!

ทำหน้าที่อารักขา

 

ย้อนคดีเก่าอุ้มรีดทรัพย์

สำหรับนายศรีสุริเยน เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปพบว่าเคยถูกดำเนินคดีจริง โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2554 ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต. สุพิศาล ผบก.ป. ในขณะนั้น นำแถลงข่าวจับกุมนายศรีสุริเยน อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ที่ 9 ต.โพนเมือง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1089/2554 ลงวันที่ 7 ก.ค.54

ข้อหาปล้นทรัพย์ในสถานที่ราชการโดยใช้ยานพาหนะ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถ สน.คลองตัน ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.

โดยพฤติกรรมพบว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาร่วมกับพวก รวม 3 รายปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. จับกุม นายบุญส่ง อาภรณ์ อายุ 25 ปี ผู้เสียหายซึ่งประกอบอาชีพขายของชำ อ้างว่ามีหมายจับยาคดียาเสพติด

จากนั้นบังคับผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ขับเข้ามาที่บริเวณลานจอดรถกองปราบปราม จากนั้นคนร้ายได้ใช้มือตบศีรษะนายบุญส่ง และ ต่อยท้อง ก่อนบังคับเอาสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น แหวนทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 2 วง เงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สินจำนวน 276,800 บาทไป และยังข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก มิฉะนั้นจะมาจับอีกครั้ง จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พานายบุญส่ง ไปปล่อยไว้ที่บริเวณริมถนน ตรงข้ามเซ็นทรัล ลาดพร้าว และพากันหลบหนี

ประกบติด

 

ต่อมานายบุญส่งได้ไปขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ทางมูลนิธิจึงพาผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.

กระทั่งสืบสวนจากภาพกล้องวงจรปิด ทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้ใช้รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน ฌฮ 2714 กทม. ซึ่งเป็นทะเบียนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าที่มีการแจ้งหายไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และบัญชีธนาคารที่คนร้ายให้ผู้เสียหายโอนไป เป็นชื่อของหญิงเชื้อสายกะเหรี่ยง ซึ่งยากต่อการตรวจสอบ ส่วนประวัติเหยื่อไม่เคยมีประวัติคดีใดๆ หรือหมายจับคดียาเสพติดมาก่อน

ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าหนึ่งในคนร้ายมีชื่อในวงการว่า “ผู้กองต้น” ตรวจสอบพบว่าเคยมีประวัติการต้องโทษ ที่ สน.คลองตัน ถูกจับกุมในคดีข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ โดยมี บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ (ปลอม) ระบุชื่อ ร.ต.อ.ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี ตำแหน่ง รองสว.อก.(ฝ่ายอำนวยการ 1) บก.ตปพ.(191) ซึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัว

จากนั้นชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ได้นำภาพนายศรีสุริเยนไปให้ ผู้เสียหายดู ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายและเอาทรัพย์สินไป จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ กระทั่งจับกุมตัวได้ดังกล่าว

เป็นคดีเก่าที่ถูกดำเนินคดีไปเรียบร้อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน