นพรัตน์ คุ้มศรี – พิชัย ศรีรุ่งเรือง – เรื่อง/ภาพ
ธรรมชาติของคนร้าย เมื่อยิ่งก่อเหตุบ่อยเข้า ความห้าวหาญในการก่อเหตุก็มากขึ้น แต่ขนาดถึงขั้นบุกแฟลตขโมยชุดตำรวจไปใช้ ก่อเหตุ ดูจะเกินเลยไปมาก ชุดสืบสวนทั้งโรงพัก สืบจังหวัดและสืบภาค จึงเปิดปฏิบัติการไล่ล่าตัว จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.ปทุมธานี พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณศักดิ์ รอง ผบก.ภ.ปทุมธานี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ภ.ปทุมธานี และชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 กก.สส.ภ.ปทุมธานี และสภ.สามโคก ร่วมแถลงข่าวจับกุม 2 คนร้ายแต่งกายคล้ายตร. ตระเวนลักทรัพย์ในโรงพยาบาลสามโคก ภายหลังจับกุมตัวได้บริเวณย่านโรงงานโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.ต.สุรพงษ์ เปิดเผยรายละเอียดคดีว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์เหตุเกิดบนอาคารที่พักบุคลากรด้านหลังโรงพยาบาลสามโคก โดยผู้เสียหาย ให้ข้อมูลคนร้ายว่าเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในอาคารที่พักบุคลากรของโรงพยาบาลสามโคก ขณะเข้าไปลักทรัพย์ที่ห้องพัก ผู้เสียหายออกมาเจอกับคนร้ายพอดี จึงถูกคนร้ายกระชากสร้อยคอทองคำขาดติดมือไปบางส่วน หลังจากเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. เวลา 07.00 น. มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์แต่งกายเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สวมหมวกนิรภัยแบบของตำรวจสีทอง มีกล้องวงจรปิดติดอยู่บนหมวก เข้ามาลักทรัพย์ในโรงพยาบาลสามโคก โดยได้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและเครื่องไอแพด หลังเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางถนนสายปทุมฯ-บางปะหัน
จากนั้นเมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 06.00 น. มีคนร้าย 2 คน แต่งเป็นตำรวจเช่นกันใช้จักรยานยนต์เข้าไปลักทรัพย์ภายในอาคารที่พักบุคลากรโรงพยาบาลคลองหลวง โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือพร้อมกุญแจรถกระบะของผู้เสียหาย และลักรถกระบะยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ ทะเบียน 2ฒช 7272 กทม. โดยใช้กุญแจที่ได้มาจากภายในห้องพักขับออกไป
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามสืบสวนจนทราบว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ในพื้นที่ สภ.สามโคก มีคนร้ายเข้าไปขโมยชุดเครื่องแบบตำรวจของ ส.ต.ต.สมบัติ นาสมโภช ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี กับเพื่อนอีก 1 นายที่ตากเอาไว้หน้าห้องภายในแฟลตตำรวจ สภ.สามโคก ต.เชียงราก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกัน
ต่อมาเวลา 04.45 น. วันที่ 19 มี.ค. ตำรวจรับแจ้งว่ามีผู้พบรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ที่ถูกขโมยมา ถูกเข็นพุ่งทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาใต้สะพานเลี่ยงเมือง ทางหลวงสาย 356 ตัด 347 ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ท้ายรถยังอยู่บนตลิ่ง
เจ้าหน้าที่จึงยกรถขึ้นมาตรวจสอบ ภายในรถไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบกุญแจรถอยู่ในลักษณะที่สตาร์ตอยู่ เกียร์อยู่ที่ตัวดี ส่วนที่คันเร่งพบหมวกตำรวจสายตรวจขัดอยู่ที่คันเร่ง และพบบัตรของพยาบาลเจ้าของรถตกอยู่ คาดว่าคนร้ายต้องการทำลายหลักฐาน หลังรู้ว่าตำรวจระดมไล่ล่าอย่างหนัก
ตำรวจเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องซีซีทีวี สอบสวนปากคำพยานสำคัญรายหนึ่ง รวมทั้งนำภาพวงจรปิดไปตรวจสอบ จนในที่สุดก็ได้ข้อมูลของคนร้ายว่าน่าจะเป็น นายพิทักษ์วงศ์ พูนผล อายุ 35 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 79/307 ม.7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เคยเป็นตำรวจอาสา สภ.คลองหลวง ปัจจุบันมันทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งย่านบางปะอิน
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าไม่ธรรมดา เคยก่อเหตุจนถูกจับมาแล้วถึง 4 คดี ประกอบด้วย 1.คดีเลขที่ 626/2541 สน.ดุสิต กรุงเทพฯ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น 2.คดีเลขที่ 672/259 ลงวันที่ 12/09/2549 สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ชิงทรัพย์ให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 3.คดีเลขที่ 680/2549 ลงวันที่ 14/09/2549 สภ.ปากคลองรังสิต จว.ปทุมธานี ข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน
4.คดีเลขที่ 220/2557 ลงวันที่ 01/11/2557 สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และคดีล่าสุดจึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ที่ จ.235/2561 จากศาลจังหวัดธัญบุรี “ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำลายสิ่งที่กั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยแต่งเครื่องแบบตำรวจและใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป”
ขณะที่อีกรายคือนายสถาพร เทพอารี เป็นชาว ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน อีกทั้งประวัติรายนี้ก็แสบไม่แพ้กัน ทั้งทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ชุดจับกุมได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ที่ใกล้กับที่ทำงานของทั้งคู่ ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนคร ศรีอยุธยา เบื้องต้นทั้งคู่รับสารภาพ โดยบอกว่าหลังก่อเหตุได้เห็นภาพจากสื่อมวลชน และโลกโซเชี่ยล จึงกลัวว่าจะถูกจับเลยรีบทำลายหลักฐาน โดยเผาชุดตำรวจทิ้งและพยายามขับรถไปทิ้งแม่น้ำ
สุดท้ายก็ไม่รอดฝีมือตำรวจ…ปิดคดี
