วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

 

โตโยต้าประกาศอย่างเป็นทางการว่ากำลังพิจารณาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วย แม้ยืนยันมาตลอดว่ารถพลังงานไฮโดรเจน (FEV) จะเป็นเป้าหมายหลักสำหรับรถในยุคหน้า ตรงข้ามกับคู่แข่งสำคัญอย่างโพล์กสวาเก้น ที่ผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) อย่างชัดเจน

ที่ผ่านมาโตโยต้าสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฮบริด (HEV) เป็นหลัก ซึ่งมีการใช้ระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าน้อยกว่าเพื่อใช้แทนไปจนกว่าตลาดจะพร้อมใช้ FEV แต่เนื่องจากตลาดรถยนต์ในหลายประเทศทั่วโลกมีการสนับสนุนการใช้ BEV มากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและจีน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุทธศาสตร์ของโตโยต้าดังกล่าว

โตโยต้าน่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ไม่ยาก เพราะมีการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีไว้หลากหลายอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาโตโยต้าอาศัยความร่วมมือกับค่ายรถอื่นๆ เพื่อลดต้นทุนในการวิจัย HEV ด้วยการขายชิ้นส่วนหลักให้กับมาสด้า, ซูบารุ และนิสสัน นอกจากนี้ ยังได้เริ่มมีรถปลั๊กอินไฮบริด (PEV) ซึ่งมีระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามากขึ้นออกมาสู่ตลาด และรถ BEV อีกสองรุ่นที่เคยจำหน่ายในสหรัฐ

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกจะขยายตัวได้เร็วขึ้นจากการแข่งขันที่มากขึ้น เป็นที่คาดการณ์กันว่าการเข้ามาของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกอย่างโตโยต้าจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น

โดยเฉพาะในด้านต้นทุนซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับของตลาดมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าราคา BEV ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กอาจลดลงไปได้เกือบครึ่งหลังปี 2020 จากปัจจุบันที่ประมาณ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ

มองว่าการเตรียมพร้อมด้าน electrification เป็นสิ่งจำเป็น หากต้องการอยู่ในห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวต่อไป แม้ในระยะสั้นผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยจะยังคงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และสัดส่วน BEV ในโลกจะยังคงน้อยกว่ามาก

แต่แนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งในส่วนการขับเคลื่อน และชิ้นส่วนอื่นๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจน แม้ในปัจจุบันผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยต้องเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เช่น กลุ่มมอเตอร์หรือเซ็นเซอร์ เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน