วิเคราะห์การเมือง
กลยุทธ์ในการแก้เกมในกรณี เบส อรพิมพ์ ของคสช.และของกองทัพบกก็เหมือนกับกรณีการแก้เกมในกรณีวิกฤต “ราคาข้าว”
ยังจำได้หรือไม่
แรกที่เกิดกระแสความหงุดหงิด ความไม่พอใจของชาวนาในเรื่องราคาข้าวเปลือกที่ร่วงอย่างชนิดพรวดพราด
กระทั่งขายได้ในสนนราคา 6 บาทต่อ 1 โล
ข้อสังเกตอันมาจากบรรดา “โฆษก” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากคสช.มี 2 ประเด็นตรงกัน
1 โยนให้กับ “กลุ่มการเมือง” 1 โยนให้กับ “โรงสี”
โดยระบุว่าที่ราคาข้าวเปลือกเสื่อมทรุด ตกต่ำ มีการกลไก “ราคาเทียม” ขึ้นจากการสมคบคิดกันของ 1 กลุ่มการเมือง และ 1 กลุ่มโรงสี
นี่ก็อีหรอบเดียวกันกับ กรณีเบส อรพิมพ์
ในเบื้องต้นที่มีกระแสต้าน เบส อรพิมพ์ ขึ้นในโซเชี่ยล มีเดีย และแพร่ระบาดไปในหมู่ “คนอีสาน” ทั้งที่เป็นชาวบ้านและที่อยู่ในแวดวงดารา นักร้อง คนดัง
ทางคสช.ก็ดี ทางกองทัพบกก็ดียังงง-งงกันอยู่
น้ำเสียงที่ออกมาจึงเหมือนกับเป็นการปฏิเสธ หรือปัดว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีของ เบส อรพิมพ์
โดยเฉพาะในเรื่องของ การว่าจ้าง
แต่เมื่อตั้งสติได้จึงค่อยๆ ออกมาแสดงท่าที 2 ท่าที นั่นคือ ท่าที 1 ยกย่องชมเชยว่า เบส อรพิมพ์ เป็นคนกล้า เป็นคนเก่ง ขณะเดียวกัน ท่าที 1 ดำเนินปฏิบัติการ “โบ้ย” ระบุและกล่าวหาว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างเป็น “ขบวนการ” ของบางกลุ่มบางพวกเพื่อดิสเครดิต เบส อรพิมพ์
โยนไปให้ “คนเสื้อแดง” โยนไปให้ “พวกล้มเจ้า”
หากนำไปเปรียบเทียบกับการหาทางออกของรัฐบาลและของคสช.ต่อปัญหาวิกฤตอันเนื่องแต่ราคาข้าวเปลือก เสื่อมทรุด ตกต่ำ
ก็เป็น “เส้นทาง” เดียวกันกับกรณีของ เบส อรพิมพ์
เหมือนกับเมื่อ “ปัด” และ “โยน” ออกไปอย่างนี้แล้วจะทำให้สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกว่าหมดปัญหา
กระนั้น คำถามที่ตามมาก็มากด้วยความแหลมคม
ความจำเป็นในการแก้ตัวในกรณีอันเกี่ยวกับปัญหา “ราคาข้าว” ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของรัฐบาล และของคสช.โดยตรง รัฐบาลและคสช.ปัดความรับผิดชอบไม่พ้นแน่นอน
แต่การอธิบายในกรณี เบส อรพิมพ์ มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน
การออกมายกย่องความเก่งของ เบส อรพิมพ์ การออกมาขยายความโดยพุ่งเป้าไปยัง “ขบวนการ” บ่อนทำลาย
เป็นการปกป้องและให้ความช่วยเหลือ เบส อรพิมพ์ อย่างแน่นอน เป็นการปกป้องและให้ความช่วย
เหลือในฐานะเป็นคนดี เป็นคนเก่ง และป้องกันมิให้ความแตกแยกขยายวงออกไป
ในอีกด้านก็แสดงฐานะของ เบส อรพิมพ์ กับผู้ที่ปกป้องไปด้วยโดยอัตโนมัติ