สดจากสนามข่าว

นายกฤษณ์ สนใจ เรื่อง/ภาพ

 

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไล่ล่าติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้สำเร็จ ต้องอาศัยพยานหลักฐานมากมายมาประกอบกัน ไม่ต่างกับการต่อจิ๊กซอว์ ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนประกอบเล็กๆจำนวนมากมาต่อเข้าด้วยกันจนสำเร็จเป็นผลงานที่สวยงามขึ้นมา แต่หากมีชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งขาดหายไป ผลงานที่ออกมาแม้จะพอเป็นรูปเป็นร่างแต่ย่อมขาดความสมบูรณ์สวยงาม

เฉกเช่นเดียวกับการติดตามคนร้าย แม้จะสืบสวนจนรู้รูปพรรณสัณฐาน แต่หากยังไม่สามารถระบุตัวตนได้การติดตามสืบหาตัวย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคดีสืบสวนมาแต่กลับเจอเข้ากับทางตัน จำต้องพับเก็บข้อมูลหลักฐานใส่แฟ้มเอาไว้

แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การเก็บลืม เพียงแต่รอให้จิ๊กซอว์ส่วนที่ขาดหายไปโผล่มาเติมเต็มให้ครบสมบูรณ์เท่านั้น

เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 5 ธันวาคม พ.ต.อ.ภูการวิก โชติกเสถียร ผกก.สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ได้รับรายงานจากศูนย์วิทยุ สภ.โคกสำโรง ว่าเกิดเหตุจี้ชิงทรัพย์ บริเวณทางแยกเข้าบ้านพรมทินใต้ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจและชุดสืบสวน

จากการสอบถามเบื้องต้น น.ส.น้ำเพชร (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวตำบลหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ผู้เสียหาย ให้การกับตำรวจด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า ขณะที่ตนเองยืนรอรถอยู่ริมถนนเพื่อที่จะไปทำงาน มีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มาจอดข้างๆ ก่อนใช้อาวุธมีดจี้บังคับให้ส่งของมีค่าให้ จากนั้นจึงหลบหนีไป โดยทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประกอบด้วย สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 สลึง โทรศัพท์ซัมซุง 1 เครื่อง และเงินสดจำนวน 500 บาท หลังเกิดเหตุชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงช่วยกันโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

น.ส.น้ำเพชรให้การเพิ่มเติมถึงลักษณะของคนร้ายว่า คนร้ายใช้ยานพาหนะรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลังก่อเหตุแล้วหลบหนีตามเส้นทางถนนพหลโยธิน-โคกสำโรง จุดสังเกตคือ คนร้ายจะใส่หมวกสีขาว ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า

แต่ที่สังเกตจุดสำคัญคือ คนร้ายที่ก่อเหตุมีลักษณะตาเข ตาเหล่

ผกก.สภ.โคกสำโรงไม่รอช้ารีบสั่งการให้ พ.ต.ท.อำนาจ บุญประไพ รอง ผกก.ป.สภ.โคกสำโรง พร้อมด้วย ร.ต.อ.นิคสัน จงธรรม์ ร.ต.ท.ศักรินทร์ คำสถิตย์ รอง สวป.สภ.โคกสำโรง นำกำลังตำรวจสายตรวจ ตำรวจชุดสืบสวน รวมทั้งตำรวจจราจร ออกสกัดจับกุมตัวคนร้ายตามยุทธวิธีที่ได้ซักซ้อมกันไว้

p0161131259p2

ใช้เวลาไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบรถจักรยานยนต์ของคนร้าย บริเวณถนนพหลโยธิน พื้นที่บ้านห้วยวัวตาย ม.4 ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่กี่กิโลเมตร ก่อนจะสามารถสกัดและจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้พร้อมของกลาง

หลังนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสำโรง สอบสวนจนทราบชื่อผู้ต้องหา คือ นายอานุ ปารีพันธ์ อายุ 31 ปี เป็นชาว ต.โคกสูง อ.ปลาปาก จ.นครพนม โดยมีน.ส.น้ำเพชร ผู้เสียหายตามมาชี้ตัวยืนยัน ว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ตัวจริง

นายอานุคงถูกแจ้งข้อหาและส่งฟ้องในข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ และใช้ยานพาหนะฯ เพียงแค่นั้น หากไม่บังเอิญว่าทั้งรูปร่างและลักษณะเด่นที่จดจำได้ง่ายคือมีตาเหล่ รวมทั้งรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุชิงทรัพย์ มันช่างละม้ายคล้ายกันกับคนร้ายที่เคยก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ของโรงพักโคกสำโรงนั่นเอง

p0161131259p3

ชุดสืบสวนนำแฟ้มคดีข่มขืนดังกล่าวมาตรวจสอบ จากตำหนิรูปพรรณ รถจักรยานยนต์ ภาพจากกล้องวงจรปิดและพฤติการณ์ของผู้ต้องหา พบว่ามีลักษณะพิเศษตรงกัน รวมทั้งพฤติการณ์ที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเวลาก่อเหตุ ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ-แดง และจุดสังเกตที่สำคัญคือ ตาเหล่ และรอยสักขนาดใหญ่บริเวณหน้าอก

ตำรวจนำตัวนายอานุผู้ต้องหาไปตรวจค้นที่บ้านพัก ภายในบ้าน หมู่ 9 ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี กระทั่งพบเสื้อและหมวกที่มีลักษณะตรงกับภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในคดีข่มขืนเด็กหญิง

ถูกสอบเค้นอยู่ไม่นานในที่สุดคำสารภาพก็พรั่งพรูออกมาจากปาก

เจ้าตัวยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงจริง แต่นอกจากคดีข่มขืนแล้วยังรับอีกว่าที่ผ่านมาได้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ลพบุรี อีกหลายคดี

นายอานุรับว่า เคยก่อเหตุมาแล้วรวม 5 คดี มีคดีอนาจาร ในพื้นที่ สภ.หนองม่วง เมื่อวันที่ 3 เมษายน คดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ของ สภ.โคกสำโรง คดีข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ของ สภ.หนองม่วง คดีวิ่งราวทรัพย์ ของ สภ.หนองม่วง และล่าสุดก่อนถูกจับวันเดียวก็เพิ่งก่อคดีจี้ชิงทรัพย์ ในท้องที่ สภ.โคกสำโรง ก่อนจะมาก่อเหตุกับน.ส.น้ำเพชร จนถูกจับกุมได้ในที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน