ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คนทั้งโลก โดยเฉพาะชาวอเมริกัน พากันย้อนทบทวนและรำลึกถึงเหตุการณ์ไนน์วันวัน หรือ 9/11 อันเป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดของโลก ด้วยปฏิบัติการอันเหนือเมฆของอัลกออิดะห์ จี้เครื่องบินเข้าถล่มใจกลางมหานครใหญ่ของสหรัฐ
จาก 11 กันยายน 2544 หรือปี 2001 ผ่านมาครบ 15 ปีพอดี เลยมีการนำมาพูดถึงกันมาก
การอาลัยถึงคนที่ต้องสูญเสียไปก็ส่วนหนึ่ง ผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงของสังคมสหรัฐก็อีกส่วนหนึ่ง
แต่จุดที่พูดถึงกันมากก็คือ สถานการณ์ก่อการร้ายในโลกยังไม่เปลี่ยนแปลง
การไล่ล่าบินลาเดน ประสบความสำเร็จ แต่ก็มี กลุ่มใหม่ๆ และรุนแรงยิ่งกว่า เกิดขึ้นมาไม่สิ้นสุด
เข้าทำนอง ยิ่งปราบก็ยิ่งโต!
สังคมโลกจึงนำเสนอแนวคิดที่ว่า การใช้สงครามกวาดล้างผู้ก่อการร้าย มีแต่จะยิ่งทำให้โลกยิ่งไร้ความสงบ
แน่นอนว่าฝ่ายผู้ก่อการร้ายนับวันจะยิ่งโหดเหี้ยมรุนแรง ไม่ควรสนับสนุน
แต่จะไปโทษฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวคงไม่ได้
ถ้าชาติมหาอำนาจยังไม่เปลี่ยนนโยบายต่างประเทศ ก็จะต้องจมอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไม่สิ้นสุด
สังคมไทยเราเอง มีการนำเหตุการณ์ร้ายแรงในสหรัฐ มาทบทวนกับความเป็นจริงในบ้านเรา
เราโชคดีที่สงครามกับกองกำลังคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลงไปได้เมื่อ 30 กว่าปีก่อน
แต่ก็อย่าได้ใช้อำนาจกดดันไล่ล่าคนคิดต่าง จนกระทั่งถึงวันแตกหักกันอีก!!
หรือวันนี้เราก็ยังมีปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดใต้ แล้วล่าสุดยังลามถึง 7 จังหวัด
ถ้ายังจะปราบกันอีก ก็จะเหมือนสหรัฐรบกับผู้ก่อการร้ายโลกนั่นแหละ
น่าเป็นห่วงที่คนกลุ่มหนึ่งในบ้านเรา เชียร์การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จปกครองประเทศอย่างหน้ามืดตามัว
เชียร์เสียจนอำนาจทางการเมืองในมือประชาชนทุกๆ คนต้องหดหายไป ทั้งที่คนรุ่นพ่อรุ่นพี่เสียเลือดเนื้อชีวิตเพื่อให้ได้มา ในหลายต่อหลายเหตุการณ์นองเลือดในบ้านเมือง
เชียร์เสียจนตัวเองสูญเสียสิทธิการเมือง กลับยังคิดว่ามีความสุข!
ก็ขนาดชาติในโลกประชาธิปไตยช่วยกันกดดัน ก็ยังไปเกลียดชังเขาอย่างไร้เหตุผล
วันนี้เกลียดสหรัฐทุกขุมขน พอพูดถึงไนน์วันวัน ก็ไปเชื่อตามนิยายที่ว่า สหรัฐสร้างสถานการณ์ 11 กันยายนเอง
โอ้โฮ ซีไอเอนี่เก่งจริงๆ ควบคุมกล้องถ่ายทอดสดของสถานีข่าวทีวีได้หมด รวมทั้งกล้องในมือของคนอเมริกันหลายร้อยหลายพันตัวที่บันทึกภาพนาทีเครื่องบิน พุ่งชนตึก
ความเกลียดชังทำให้คนขาดเหตุผลได้จริงๆ!