จังหวะ การเมือง อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ ดับเครื่องชนคสช. : วิเคราะห์การเมือง
ประชาธิปัตย์ ดับเครื่องชนคสช. – การปฏิเสธเข้าร่วมในการประชุมที่มีคสช.และแม่น้ำ 5 สายเป็นเจ้าภาพจัดร่วมกับกกต.และพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ได้กลายเป็น “เส้นแบ่ง” อย่างสำคัญในทางการเมือง
พรรคเพื่อไทยอาจเป็นพรรคแรกที่มี “ท่าที” ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
เป็นการปฏิเสธต่อการเชิญของคสช.ตั้งแต่ก่อนมีการแยกตัวของพรรคประชาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และพรรคไทยรักษาชาติ
การปฏิเสธนี้จึงตามไปด้วยเมื่อมีการแยกตัว
และเมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จับมือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น ก็มีท่าทีอันเด่นชัดกับการเรียกประชุมของคสช.ในเรื่องการเลือกตั้ง
แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เพิ่งชัดในเดือนธันวาคม 2561
ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่เหตุผลในการปฏิเสธของพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่อยู่ที่ว่าทำไมต้องเป็นในวันที่ 7 ธันวาคมทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าร่วมมา โดยตลอด
เหตุผล 1 อยู่ที่การต่อสู้ภายในพรรคประชาธิปัตย์
ประเด็นนี้เห็นได้อย่างเด่นชัดระหว่างการหยั่งเสียงเพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
สะท้อนว่ามีปัจจัยบางปัจจัยไม่เป็นเอกภาพ
เมื่อผ่านกระบวนการต่อสู้ภายในและชัยชนะตกเป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความแจ่มชัดจึงเกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์
นั่นก็คือเหตุผล 1 ซึ่งทรงความหมายในการปฏิเสธ “คสช.”
การปฏิเสธต่อการรุกเข้ามาของ “คสช.” ดูเผินๆ คล้ายกับว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเอนเอียงไปใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยและแนวร่วม ตลอดจนพรรคอนาคตใหม่มากยิ่งขึ้น
ตอบได้เลยว่า มิได้เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถือว่าคสช.และพรรคเครือข่ายคสช.เป็นคู่สัประยุทธ์เพื่อแย่งชิงคะแนนและความนิยม แต่ก็ดำเนินไปแทบไม่แตกต่างไปจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีบทสรุปต่อพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ
นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างแนวทางและสถานะอันเป็นของพรรคประชาธิปัตย์
นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เพียงแต่ต้องการเอาชนะพรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังต้องการเอาชนะพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ในทางเป็นจริง
โดยประสบการณ์ในทางการเมืองได้ก่อรูปแห่งความจัดเจนให้พรรคประชาธิปัตย์ว่าจำเป็นต้องเลือกคู่ต่อสู้อันดับ 1 ขึ้นมาให้เด่นชัด
เด่นชัดว่าเป็นคสช.และพรรคเครือข่ายคสช.
เพราะการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คสช.คือผู้อยู่ในอำนาจและต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อไป
การดับเครื่องชนคสช.จึงจำเป็นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง