สัญญาณหลายอย่างบ่งบอก

การเลือกตั้งที่ใกล้จะมีขึ้นในต้นปีหน้าไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตยมากนัก

ตั้งแต่การ “แบ่งเขต” แบบพิสดาร ล่าสุดยังเตรียมจัดพิมพ์ “บัตรเลือกตั้ง” แบบพิลึกพิลั่น

คือไม่ระบุ “โลโก้พรรค”ลงในบัตร

เรื่องนี้มีที่มาที่ไปจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดปรารภในที่ประชุมร่วม คสช. สนช. กกต. และตัวแทนพรรค เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

จากนั้น กกต.ก็รับลูกทันที

อ้างว่า ข้อดีของการไม่ระบุโลโก้และชื่อพรรค ก็เพื่อความสะดวกในกรณีบัตรเลือกตั้งที่ส่งไปลงคะแนนนอกราชอาณาจักร เกิดพลัดหลงหรือส่งไปไม่ถึง

การส่งบัตรสำรองที่ระบุชื่อผู้สมัคร ชื่อพรรคไปให้ตรงเขต อาจมีปัญหา

จึงมีข้อเสนอให้พิมพ์เป็น “บัตรโหล” หรือบัตรที่มีแต่ “หมายเลข” ผู้สมัครเท่านั้น

เพื่อกรณีเกิดบัตรพลัดหลง ไม่ว่ากับเขตใด ก็จะนำบัตรโหลส่งไปทดแทนได้ทันท่วงที

เท่านั้นแหละ กกต.ก็โดนเกือบทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคในเครือข่าย คสช. รุมถล่มหูดับตับไหม้ ว่ากรณีนี้ก็คล้ายๆ กับเรื่องแบ่งเขต

ที่ฝ่ายผู้มีอำนาจใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้กกต.ดำเนินการ ท่ามกลางเสียงครหาว่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครของพรรคสืบทอดอำนาจ กรณีบัตรโหลก็เช่นกัน

ถูกมองว่ามีเจตนาทำให้เกิดความสับสนสองเด้ง คือ สับสนทั้งเขต สับสนทั้งผู้สมัครที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อยู่พรรคใด เมื่อเป็นเช่นนั้นประชาชนก็จะหาทางออก

ตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่ตัวเองคุ้นเคย

การตัดสินใจด้วยความคุ้นเคยนี้ ทำให้พรรคที่มีแต่ผู้สมัครหน้าใหม่ๆ เสียเปรียบ

ขณะที่ความได้เปรียบตกอยู่กับพรรค “พลังดูด” ที่ดูดอดีตส.ส.ไปเข้าคอกจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนที่สับสนเรื่องเขตเลือกตั้งอยู่แล้ว

ลงคะแนนให้ผู้สมัคร “ผิดคน-ผิดพรรค” โดยไม่รู้ตัว

การเลือกตั้งแทนที่ได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นเครื่องมือยุติปัญหาขัดแย้ง

ก็จะกลายเป็นสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นเสียเอง