สดจากสนามข่าว : ย้อนคดีจับแก๊งกะเทยโจ๋ ฉกผ้าไหมไปจัดอีเวนต์ สำนึกผิดแจ้งตร.จับเอง
สดจากสนามข่าว : ย้อนคดีจับแก๊งกะเทยโจ๋ – เป็นวัยรุ่นไม่งอมืองอเท้ารู้จักทำมาหากิน รวมตัวกันรับจัดงานอีเวนต์ ทั้งงานบวช งานแต่งงาน นับเป็นเรื่องดีที่ควรส่งเสริม แต่มันมาเสียตรงที่เลือกวิธีการลักขโมยของชาวบ้าน เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำงานของตน ตั้งใจดีแต่ผิดวิธี แล้วผลลัพธ์จะออกมาดีได้อย่างไร
สายวันที่ 8 ธ.ค. นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์, พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, พร้อม ผู้เกี่ยวข้อง เปิดแถลงผลการจับกุม นายชัยมงคล เกลี้ยงโสภา อายุ21ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยเยาวชนซึ่งยังเป็นนักเรียนชั้น ม.4-ม.6 อายุระหว่าง 16-18 ปี จำนวน 3 คน
พร้อมของกลางผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมทอ ผ้าฝ้าย อุปกรณ์การ ทอผ้ากว่า 100 รายการ และรถจยย. 2 คัน รวมมูลค่าหลายล้านบาท หลังจากทั้ง 4 คนร่วมกันขี่รถ จยย.ตระเวนขโมยผ้าไหมจากกี่ทอผ้าของชาวบ้านในหลายพื้นที่
คุมทำแผนฯ
ทั้งนี้ การแถลงข่าวยังมีชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ใน อ.คำม่วง, อ.สมเด็จ, อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และ อ.ทุ่งเขาหลวง, อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด กว่า 50 คน เดินทางมาตรวจสอบของกลางที่ถูกขโมย ไปอีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้ง 4 คนไปชี้จุดบริเวณที่เข้าไปขโมยผ้าไหมจากกี่ทอผ้าตามบ้านเรือนประชาชน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
รอง ผวจ.กาฬสินธุ์เผยที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายขโมย ตัดผ้าไหมแพรวา ซึ่งอยู่ในกี่และกำลังทอของประชาชนใน ต.โพน ต.นาบอน ต.ทุ่งคลอง อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 17 ราย
รวมทั้งมีการขโมยผ้าไหม และผ้าฝ้ายของประชาชนใน อ.สมเด็จ และ อ.กมลาไสย อีกหลายสิบรายด้วย จากนั้นนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร และผู้นำชุมชนลงพื้นที่สืบหาข่าว และเร่งติดตามตัวคนร้ายมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะผ้าไหมแพรวาที่ถูกขโมยไปนั้นหลายผืนมีราคา 20,000 บาท ไปจนถึงราคา 100,000 บาท และแต่ละผืนชาวบ้านต้องใช้แรงกายแรงใจ นั่งทอมานานหลายเดือน
กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากนายประวิทย์ วงศ์เจริญ กำนันตำบลโพน ว่าพบเบาะแสคนร้ายที่เข้ามาขโมยผ้าไหม โดยมีหนึ่งใน ผู้ต้องหาสำนึกผิดส่งภาพผ้าไหมมาให้ดู ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมทั้งควบคุมตัว และของกลางได้ทั้งหมดดังกล่าว
ผู้เสียหายดูของกลาง
นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ตนพร้อมเพื่อนอีก 2 คน ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4-ม.6 ส่วนนายชัยมงคลกำลังศึกษาอยู่ กศน. โดยทุกคนจะมีนิสัยเป็นผู้หญิง หรือที่เรียกว่าสาวประเภทสอง
ระหว่างเรียนพวกตนก็ได้หารายได้พิเศษ โดยการรับจัดงานอีเวนต์ ทั้งงานบวช งานแต่งงาน และงานต่างๆ ตามที่มีคนจ้าง แต่เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ที่จะไปจัดงาน โดยเฉพาะผ้าไหมที่มีราคาแพง ตนและเพื่อนๆ จึงตระเวนขี่รถ จยย.ออกมาขโมยผ้าไหมแพรวา ผ้าไหม และผ้าฝ้าย เพื่อนำไปจัดงานอีเวนต์ที่รับมา
ซึ่งจะเลือกขโมยตามหมู่บ้านที่มีการทอผ้า และอาศัยเวลาตอน กลางคืน ทั้งนี้ หลังก่อเหตุไปแล้วหลายครั้งรู้สึกสำนึกผิด และนึกสงสารชาวบ้านที่ทอผ้า เพราะกว่าจะทอได้แต่ละผืนต้องใช้เวลานาน จึงตัดสินใจส่งภาพผ้าไหมมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นเบาะแส ให้สามารถตามตัวตนและเพื่อนๆ ได้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามตัวได้ ดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนและเพื่อนต้องขอโทษเจ้าของผ้าไหมทุกคนที่ทำให้เดือดร้อนด้วย
ผ้าไหมที่ยึดได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวีรัตน์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนซึ่งยังเป็นเยาวชนรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุจริง โดยจะขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ โดยเฉพาะหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงและมีการทอผ้าไหม จากนั้นจะเข้าไปขโมยตัดผ้าไหมจากกี่ที่ชาวบ้านกำลังทอแล้วนำไปใช้ในการจัดงานอีเวนต์ที่รับมา ไม่ได้นำไปขาย
นอกจากนี้ทั้ง 4 คนยังสารภาพอีกว่า นอกจากพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ แล้วยังได้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด อีกหลายแห่งด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป
ยังดีที่มีจิตใจสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี กลับตัวกลับใจสังคมยังให้โอกาสอีกครั้งเสมอ
โดย : ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม เรื่อง/ภาพ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
