อารมณ์ สังคม ต้องการ การเลือกตั้ง ทางออก ประเทศ
อารมณ์ สังคม ต้องการ การเลือกตั้ง ทางออก ประเทศ – ไม่ว่าจะเป็นการประกาศอดข้าว อดนอน ประท้วงไม่ยอมให้กกต. “เลื่อน” การเลือกตั้งของหนุ่มใหญ่วัย 35 ในตอนเที่ยงคืนของวันที่ 8 มกราคม
ไม่ว่าการนัดเดินเท้าของกลุ่ม วอล์ก ทู โหวต ที่เชียงใหม่
ไม่ว่าการนัดชุมนุมที่ระยอง ไม่ว่าการนัดชุมนุมที่พระนครศรีอยุธยา ล้วนสัมพันธ์กับการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และการย้ายไปชุมนุมยังแยกราชประสงค์
ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ “อยากเลือกตั้ง”
ปรากฏการณ์ในเดือนมกราคม 2562 ตอกย้ำ เน้นให้เห็นถึงปรากฏการณ์เมื่อเดือนมกราคม 2561 ออกมาอย่างเด่นชัด
ถนนทุกสายล้วนมุ่งไปสู่ “การเลือกตั้ง”
ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ยิ่งมีการเคลื่อนไหวในเดือนมกราคม 2562 คึกคักมากเพียงใด ยิ่งจะสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวเมื่อเดือนมกราคม 2561
แสดงว่า “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” เดินมาถูกทาง
เพราะหากไม่มีการเคลื่อนไหวอุ่นเครื่องและสร้างความรู้สึกร่วมตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม 2561 ก็คงไม่เกิดปรากฏการณ์ในเดือนมกราคม 2562 ด้วยความคึกคัก
เมื่อเดือนมกราคม 2561 พวกเขาถูกใครแจ้งความ กล่าวโทษ
ถามว่าเหตุใดในเดือนมกราคม 2562 มีความรุนแรง ดุดันมากยิ่งกว่าเมื่อเดือนมกราคม 2561 ทำไมจึงไม่มีการแจ้งความ กล่าวโทษ
นี่ย่อมเหมือนกับประชามติเมื่อเดือนสิงหาคม 2559
จําได้หรือไม่ว่า บรรยากาศการทำ “ประชามติ” เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ดำเนินไปอย่าง “อ-ประชาธิปไตย” เด่นชัดและมากน้อยเพียงใด
เพราะเป็นบรรยากาศที่มีการกีดกัน กลั่นแกล้ง
ฝ่ายที่โฆษณาความดีงามของ “ร่าง” รัฐธรรมนูญสามารถเคลื่อนไหวป่าวร้อง ไม่ว่าจะผ่านการชุมนุมไม่ว่าจะผ่านการประชุม
ตรงกันข้าม ฝ่ายที่คัดค้าน ต่อต้าน โดน “รวบตัว”
จากเดือนสิงหาคม 2559 กระทั่งทุกวันนี้หลายคนที่ตกเป็นจำเลย ถูกฟ้องร้อง ยังต้องเดินขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่
ยิ่งนับวันเรื่องเหล่านี้จะสร้าง “มลทิน” ให้กับ “รัฐธรรมนูญ”
สถานการณ์ทางการเมืองในเดือนมกราคม 2562 จึงไม่เพียงแต่จะแตกต่างจากสถานการณ์เมื่อเดือนมกราคม 2561
หากยังต่างไปจากสถานการณ์เดือนสิงหาคม 2559
ทั้งหมดนี้เท่ากับเป็นสัญญาณไม่เพียงแต่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงอำนาจภายในคสช. หากแต่ 1 ประชาชนเริ่มมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการแสดงความเรียกร้องต้องการ
และทุกอย่างก็รวมศูนย์ไปที่ “การเลือกตั้ง”