สดจากสนามข่าว
สันติ ประหร่ำภากรณ์ รอซิดะห์ ปูซู สาเล็ม ครู สุกรี มะดากะกุล เรื่อง/ภาพ
ความรักที่เห็นแก่ตัว รักเพื่อต้องการครอบครอง เมื่อไม่สมหวังก็โมโหโกรธา มีแต่ความคิดที่ว่าข้าไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้ ยิ่งวินาทีที่รู้ตัวว่ากำลังจะเสียคนรักไป หากไม่ตั้งสติให้ดีปล่อยให้อารมณ์ เข้าครอบงำ แม้เพียงชั่ววูบเดียว ก็นำมาสู่เหตุเศร้าสลด “ฆ่าเพราะรัก” มานักต่อนักแล้ว
เช่นเหตุการณ์สลดเมื่อสายวันที่ 3 มี.ค. เมื่อ ร.ต.อ.วุฒิกิจ บัวนวล รองสว.(สอบสวน) สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอไทรน้อย
จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อำนาจ เตียวตระกูล ผกก.สภ.ไทรน้อย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ โมรานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.มงคล อ่อนแก้ว รองผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถหน้าที่ว่าการอำเภอไทรน้อย ข้างรถเก๋งมาสด้า 2 ทะเบียน 2 กผ-5743 กทม. พบศพนางวนาวรรณ์ ปิยะวงศ์ อายุ 25 ปี นอนเสียชีวิต ถูกยิงเข้าบริเวณหลังทะลุ 3 นัด ใกล้กันพบศพด.ช.สุกฤษฎิ์ ดีไชยโย อายุ 5 ขวบ มีบาดแผลถูกยิงเข้าหน้าอก 1 นัด ท้อง 1 นัด ที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ พร้อมปลอกกระสุนตกเกลื่อนพื้น
นอกจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งร.พ.ไทรน้อย ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อนายธีรพงศ์ ปิยะวงศ์ อายุ 51 ปี พ่อของนางวนาวรรณ์ ถูกยิงเข้าหน้าอก 2 นัด และนายสุรศักดิ์ ดีไชยโย อายุ 34 ปี สามีนางวนาวรรณ์ ถูกยิงกรอกปากบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ทั้งคู่จะเสียชีวิต ในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนนายสำรวย ดีไชยโย อายุ 57 ปี พ่อของนายสุรศักดิ์ซึ่งเป็นมือปืนที่ก่อเหตุทราบว่า ลูกชายแต่งงานกับนางวนาวรรณ์ จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือด.ช. สุกฤษฎิ์ แต่ช่วงหลังทั้งคู่มีปากเสียงกันประจำ เนื่องจากลูกชายหึงหวง ก่อนนางวนาวรรณ์จะเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านมาพักอยู่กับนายธีรพงศ์ผู้เป็นพ่อ เป็นเวลากว่า 1 ปี โดยลูกชายพยายามตามง้อขอคืนดีมาตลอดแต่ก็ไม่สำเร็จ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายได้พาด.ช.สุกฤษฎิ์ไปขอคืนดีกับนางวนาวรรณ์อีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นเคย นอกจากนี้ยังถูกนายธีรพงศ์ที่ เป็นพ่อตาบอกให้ลูกชายไปเจอกันที่อำเภอ เพื่อจดทะเบียนหย่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายให้ด.ช.สุกฤษฎิ์หยุดเรียน โดยจะพาไปหาแม่ จนตนมาทราบอีกครั้งว่าลูกชายก่อเหตุยิงภรรยา ลูกและพ่อตา ก่อนจะยิงตัวเองตายตาม
พล.ต.ต.สุศักดิ์กล่าวว่า จากการสอบปากคำพยานที่ทำงานอยู่บนที่ว่าการอำเภอไทรน้อย รวมทั้งพยานใกล้เคียงทราบว่าก่อนเกิดเหตุนางวนาวรรณ์ได้ขับรถเก๋งมาพร้อมพ่อ ส่วนนายสุรศักดิ์ได้พาลูกชายวัย 5 ขวบ มาพบภรรยาและพ่อตาที่อำเภอ เพื่อจดทะเบียนหย่า แต่นายสุรศักดิ์ไม่ยอมหย่า จนเกิดทะเลาะโต้เถียงกันบนอำเภอ
นายธีรพงศ์และนางวนาวรรณ์เห็นว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงเดินลงจากอำเภอเพื่อจะกลับ โดยมีนายสุรศักดิ์เดินจูงลูกชายตามมาติดๆ ก่อนที่นายสุรศักดิ์จะใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงภรรยา ลูกชายและพ่อตาจนเสียชีวิต จากนั้นใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงกรอกปากตัวเองจนล้มลงบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
1.ที่เกิดเหตุหน้า อ.ไทรน้อย 2.สยองหน้าอ.เมืองปัตตานี 3.พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ 4.นายสุรศักดิ์ ดีไชยโย
ถัดมาอีกเพียง 3 วัน ก็เกิดเหตุสลดซ้ำรอยขึ้นมาอีก โดยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ร.ต.ท.ธรรมเกียรติ เอี่ยมอำนวย รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี จึงนำกำลัง รุดไปตรวจสอบพร้อมพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ท่งเต็กเซี่ยงตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบร่าง ส.ต.ท.ธีรสิทธิ์ จิตรณรงค์ อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ สส.ภ.จว.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี
ใกล้กันพบศพน.ส.ธันยพร พรศิลา อายุ 29 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่ศีรษะ 2 นัด ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืน 5 ปลอก
จากการสอบสวนทราบว่าทั้ง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน แต่งงานอยู่กินกันมาได้ประมาณ 1 ปีกว่า มีลูกน้อยวัย 3 เดือน แต่เมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง 2 คนเกิดมีปัญหาครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องหึงหวง ทำให้ต้องแยกกันอยู่ ก่อนจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าเกิดมีปากเสียงกันจนถึงขั้นตกลงหย่ากัน
แต่ฝ่ายชายมีความคับแค้นใจ ถึงกับบ่นกับเพื่อนร่วมงานว่า จะยิงภรรยาตัวเอง นอกจากนั้นยังเขียนในเฟซบุ๊กตัวเองว่า “มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะหยุดเราได้ พรุ่งนี้คงจะชัดเจนในเรื่องนี้”
เมื่อขึ้นไปบนอำเภอปรากฏว่าเอกสารไม่ครบและพยานมีเพียงคนเดียว จนท.จึงขอให้ทั้งสองกลับไป นำเอกสารมาให้ครบก่อน หลังจากทั้งหมดเดินลงมาถึงถนนหน้าอำเภอ ส.ต.ท.ธีรสิทธ์ได้ล็อกคอภรรยา และใช้อาวุธยิงจนตาย ก่อนใช้ปืนยิงตัวเองหวังตายตามแต่สาหัสดังกล่าว
